บทที่ 6: การปฏิรูประบบยุติธรรม – รากฐานแห่งความเสมอภาคและประชาธิปไตย
ระบบยุติธรรมควรเป็นเสาหลักที่ทำให้สังคมมีความเสมอภาคและมั่นคงในระบอบประชาธิปไตย แต่ในประเทศไทย ระบบยุติธรรมกลับถูกวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างยาวนานว่าเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจในการควบคุมประชาชน มากกว่าการสร้างความยุติธรรมและคุ้มครองสิทธิของทุกคนอย่างเสมอภาค
ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าระบบยุติธรรมในไทยมีบทบาทสำคัญในการรักษาสถานะเดิมของชนชั้นนำ และการใช้อำนาจโดยมิชอบ การเลือกปฏิบัติในคดีความต่าง ๆ การปล่อยให้ชนชั้นนำพ้นผิดโดยง่าย และการตัดสินคดีของคนยากจนหรือผู้ที่ขัดแย้งกับกลุ่มอำนาจอย่างไม่เป็นธรรม กลายเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของปัญหาโครงสร้างในระบบยุติธรรมไทย
ปัญหาหลักในระบบยุติธรรมไทย
1. การเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม
ประเทศไทยมีปัญหาการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรมอย่างเด่นชัด ซึ่งสะท้อนผ่านการดำเนินคดีและการตัดสินที่มักแยกแยะตามสถานะทางสังคมหรือความสัมพันธ์กับกลุ่มอำนาจ ตัวอย่างที่ชัดเจนได้แก่ คดีของผู้มีอำนาจที่มักถูกดำเนินการอย่างล่าช้าและจบลงด้วยการพ้นผิด ในทางกลับกัน ผู้ที่ไม่มีฐานะหรือเครือข่ายมักถูกลงโทษอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
กรณีที่เห็นได้ชัดคือ การดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112) ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือในการปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมือง ประชาชนจำนวนมากถูกจับกุมและตัดสินจำคุกเพียงเพราะแสดงความคิดเห็นโดยสงบ ในขณะเดียวกัน คดีทุจริตที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองหรือชนชั้นนำมักถูกยกฟ้องหรือยืดเยื้อจนหมดอายุความ
2. อิทธิพลทางการเมืองต่อระบบยุติธรรม
ระบบยุติธรรมไทยมักถูกแทรกแซงโดยอำนาจทางการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นกลางและความน่าเชื่อถือของระบบ การแต่งตั้งผู้พิพากษาและตำแหน่งสำคัญในองค์กรยุติธรรมมักไม่ได้พิจารณาจากความสามารถหรือความเป็นกลาง แต่ถูกกำหนดโดยความใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจ การกระทำเช่นนี้ทำให้เกิดความเอนเอียงในกระบวนการตัดสิน และสร้างระบบที่ไม่เป็นธรรมต่อประชาชนทั่วไป
3. ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงความยุติธรรม
ประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทหรือผู้ที่มีรายได้น้อย มักประสบปัญหาในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากความบกพร่องทางกฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงข้อจำกัดทางเศรษฐกิจและระบบราชการที่ซับซ้อน
ข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ: ค่าจ้างทนายความและค่าใช้จ่ายในกระบวนการพิจารณาคดีมักสูงเกินกว่าที่คนยากจนจะรับมือได้
ความซับซ้อนของกระบวนการ: ระบบราชการที่ซับซ้อนและขาดการให้คำปรึกษาที่เหมาะสม ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้สิทธิของตนได้อย่างเต็มที่
ผลกระทบของระบบยุติธรรมที่ไม่เท่าเทียม
- ความเสื่อมศรัทธาในกฎหมาย: ประชาชนจะมองว่ากฎหมายเป็นเครื่องมือของชนชั้นนำ
- การขยายช่องว่างระหว่างชนชั้น: ความลำเอียงทำให้ชนชั้นนำมั่งคั่งขึ้น
- การบั่นทอนสิทธิเสรีภาพ: การใช้กฎหมายปราบปรามผู้เห็นต่าง ลดทอนเสรีภาพในการแสดงออก
- สถานะในเวทีนานาชาติ: ดัชนีความโปร่งใสและสิทธิมนุษยชนของไทยตกต่ำ
แนวทางการปฏิรูประบบยุติธรรมในประเทศไทย
- เพิ่มความโปร่งใสในการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญ
- ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม
- ปรับปรุงกฎหมายที่ล้าหลังและลำเอียง
- สร้างองค์กรอิสระเพื่อตรวจสอบระบบยุติธรรม
สรุป: ยุติธรรมที่แท้จริงเพื่อประชาธิปไตยที่ยั่งยืน
ระบบยุติธรรมเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างสังคมที่เป็นธรรมและประชาธิปไตยที่ยั่งยืน การปฏิรูประบบยุติธรรมไม่ใช่แค่การแก้ไขข้อบกพร่องทางกฎหมาย แต่ยังเป็นการสร้างโครงสร้างที่สนับสนุนความเสมอภาคในทุกมิติ เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงและเจริญรุ่งเรืองสำหรับทุกคน