การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในประเทศไทยต้องคำนึงถึงการสร้างความสมดุลระหว่างบทบาทของสถาบันและการพัฒนาประชาธิปไตย โดยมุ่งเน้นความโปร่งใส ความยุติธรรม การตรวจสอบ และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกกลุ่มในสังคม
ข้อเสนอแนวทางปฏิรูป
-
ยกเลิกมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญและเพิ่มกลไกการตรวจสอบ:
- ยกเลิกบทบัญญัติที่ระบุว่า "ผู้ใดจะกล่าวฟ้องร้องกษัตริย์มิได้" และเปิดให้สภาผู้แทนราษฎรสามารถพิจารณาความผิดของสถาบันได้.
- ตั้งองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบการกระทำของสถาบัน เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้อำนาจเป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม. -
ยกเลิกมาตรา 112 และส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น:
- ยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112) เพื่อเปิดพื้นที่การแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์.
- นิรโทษกรรมผู้ถูกดำเนินคดีจากการวิพากษ์วิจารณ์สถาบัน และส่งเสริมกระบวนการแสดงความเห็นในลักษณะสร้างสรรค์และปลอดภัย. -
แยกทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ออกจากทรัพย์สินส่วนพระองค์:
- ยกเลิก พ.ร.บ. จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2561.
- ให้ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้การบริหารของกระทรวงการคลัง และกำหนดทรัพย์สินส่วนพระองค์ให้เป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัวที่ตรวจสอบได้. -
ปรับลดงบประมาณแผ่นดินสำหรับสถาบันกษัตริย์:
- ลดงบประมาณที่จัดสรรให้สถาบันกษัตริย์ให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจของประเทศ.
- จัดทำรายงานงบประมาณรายปีที่โปร่งใสและอยู่ภายใต้การตรวจสอบของรัฐสภา. -
ปรับโครงสร้างส่วนราชการในพระองค์:
- ยุบหน่วยงานที่ไม่มีความจำเป็น เช่น องคมนตรี.
- โอนย้ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการถวายความปลอดภัยไปสังกัดกระทรวงกลาโหม หรือกระทรวงมหาดไทย. -
ยกเลิกการบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศล:
- ห้ามสถาบันกษัตริย์รับบริจาคหรือจัดการบริจาคโดยไม่มีการตรวจสอบ.
- ตั้งองค์กรกลางเพื่อบริหารจัดการการบริจาคและตรวจสอบความโปร่งใส. -
ยกเลิกพระราชอำนาจในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง:
- จำกัดบทบาทสถาบันให้อยู่ในฐานะกลางทางการเมืองอย่างเคร่งครัด.
- ห้ามการแสดงความเห็นหรือการกระทำใด ๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อการตัดสินใจทางการเมือง. -
ปรับปรุงการศึกษาและสื่อเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์:
- ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาเพื่อให้มีการวิเคราะห์บทบาทสถาบันกษัตริย์ในประวัติศาสตร์และบริบทประชาธิปไตยอย่างรอบด้าน.
- ลดการประชาสัมพันธ์ที่เชิดชูเกินจริง และส่งเสริมการสื่อสารที่สมดุล. -
สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสังหารประชาชน:
- ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสอบสวนกรณีการสังหารหรือการกระทำที่ไม่ชอบธรรมต่อผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบัน.
- ให้ความคุ้มครองพยานและผู้เสียหาย เพื่อสร้างกระบวนการยุติธรรมที่น่าเชื่อถือ. -
ห้ามการรับรองการรัฐประหาร:
- เพิ่มบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าการรัฐประหารเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง.
- ห้ามไม่ให้ลงพระปรมาภิไธยรับรองการรัฐประหารในทุกกรณี.
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
หากดำเนินการปฏิรูปตามแนวทางนี้ สถาบันกษัตริย์จะสามารถอยู่ร่วมกับระบอบประชาธิปไตยได้อย่างสมดุลและยั่งยืน โดยเน้นความโปร่งใส ความยุติธรรม และการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งจะช่วยสร้างสังคมที่เป็นธรรมและเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างประชาชนและสถาบัน.
แนวทางปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไทย: สร้างสรรค์และยั่งยืน (สรุปสาระสำคัญ)
การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในประเทศไทยไม่ใช่เพียงเพื่อปรับปรุงระบบการเมือง แต่ยังเพื่อสร้างความโปร่งใส ความเท่าเทียม และความไว้วางใจระหว่างสถาบันกับประชาชน โดยข้อเสนอนี้มุ่งเน้นการสร้างสมดุลที่เหมาะสมและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม
สรุปข้อเสนอสำคัญ
- ยกเลิกมาตรา 6 และเพิ่มกลไกตรวจสอบ: เปิดให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาความผิดของสถาบันได้ พร้อมตั้งองค์กรอิสระที่โปร่งใส.
- ยกเลิกมาตรา 112 และส่งเสริมเสรีภาพ: เปิดพื้นที่การแสดงความคิดเห็นและนิรโทษกรรมผู้ที่ถูกดำเนินคดีจากการวิจารณ์สถาบัน.
- แยกทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์: ให้กระทรวงการคลังจัดการทรัพย์สินเพื่อความโปร่งใส.
- ปรับลดงบประมาณ: ลดงบประมาณของสถาบันให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจ พร้อมเปิดเผยข้อมูลการใช้งบ.
- ปรับโครงสร้างส่วนราชการในพระองค์: ยุบหน่วยงานที่ไม่มีความจำเป็นและโอนย้ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปยังหน่วยงานรัฐ.
- ยกเลิกการบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศล: ตั้งองค์กรกลางเพื่อตรวจสอบการบริจาคอย่างโปร่งใส.
- ยกเลิกการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง: ห้ามสถาบันกษัตริย์แสดงความเห็นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง.
- ปรับปรุงการศึกษาและสื่อ: สร้างหลักสูตรและการประชาสัมพันธ์ที่สมดุลเกี่ยวกับบทบาทของสถาบัน.
- สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสังหารประชาชน: ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสอบสวนและคุ้มครองพยาน.
- ห้ามรับรองการรัฐประหาร: เพิ่มบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเพื่อป้องกันการรัฐประหาร.
แนวทางสร้างแรงจูงใจให้ประชาชน
การปฏิรูปจะต้องสื่อสารถึงประโยชน์ที่ชัดเจน เช่น การเพิ่มงบประมาณสำหรับการศึกษาและสาธารณสุข รวมถึงการสร้างโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มมีส่วนร่วมในกระบวนการผ่านการอภิปรายและประชามติ.
การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไทยที่โปร่งใสและมีส่วนร่วมจะช่วยสร้างระบอบประชาธิปไตยที่ยั่งยืน โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงสร้างสรรค์ที่ทุกฝ่ายสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างเท่าเทียม.