ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.

Saturday, January 30, 2021

สภาประชาชน จำเป็นต้องทำ แต่เวลาจะผ่านไปเรื่อย ๆ โดยมันจะไม่เกิดขึ้น หากไม่ลงมือทำ

เรื่องสภาประชาชน ผมพยายามกระตุ้นให้ประชาชนรวมตัวกันมาตลอด คลิปนี้ 2013 ครับ ถ้าเราไม่จงใจทำให้มันเกิดขึ้น มันก็จะลากไปเรื่อยๆ จากคลิปนี้ เกือบแปดปีมาแล้ว สภาประชาชนก็ยังรวมกันในนามปวงชนชาวไทยไม่ได้เสียที ปีนี้มาช่วยกันนะครับ

https://youtu.be/LcUoeuIrLCE






Friday, January 22, 2021

ด่วน! ประธานสภาฯ ยื่นศาลสั่ง "สิระ เจนจาคะ" หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.

 ด่วน! ประธานสภาฯ ยื่นศาลสั่ง "สิระ เจนจาคะ" หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.

https://www.khaosod.co.th/politics/news_5791237



‘สุทิน’ แย้มมี รมต.ขึ้นเขียงซักฟอก 7 คนบวกๆ ลั่น รอบนี้มีใบเสร็จ ปมทุจริตเชิงนโยบายของ รบ.

 ‘สุทิน’ แย้มมี รมต.ขึ้นเขียงซักฟอก 7 คนบวกๆ 

ลั่น รอบนี้มีใบเสร็จ ปมทุจริตเชิงนโยบายของ รบ.

https://www.matichon.co.th/politics/news_2541597


ยายเม้าข้างบ้านถามว่า 

มีใบเสร็จแล้วจะได้อะไรจ๊ะ? ได้เห็นความเหนียวหนึบของขบวนเผด็จการแค่นั้น ชิมิ


มีที่พึ่ง (ทางจิต) ถูก จะพบสุขที่แท้จริง | พุทธวจน | ธรรมะ | พระอาจารย์ค...

นี่คือวิธีปล้นที่ดินและบ้านคนจนไปให้คนรวยแบบถูกกฏหมาย

 นี่คือวิธีปล้นที่ดินและบ้านคนจนไปให้คนรวยแบบถูกกฏหมาย 

https://www.matichon.co.th/economy/news_2541127

ธอส. ขนบ้านมือสองราคาถูกประมูล 990 รายการตอนนี้

บ้านมือสอง ทั่วประเทศรวม 990 รายการ เริ่มประมูลพร้อมกันวันนี้ระหว่างเวลา 12.00 -13.00 น.

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในปี 2563 ธอส. จัดให้มีการประมูลขายทรัพย์ NPA หรือบ้านมือสองออนไลน์ผ่าน Application : G H Bank Smart NPA เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่โดยไม่ต้องเดินทางไปประมูลซื้อที่ธนาคาร รวมทั้งลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งการจัดประมูลออนไลน์ทั้ง 7 ครั้งตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา มีลูกค้าประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมประมูลทรัพย์ออนไลน์ของธนาคารเป็นจำนวนมาก โดยสามารถจำหน่ายทรัพย์ได้ทั้งสิ้น 701 รายการ คิดเป็น มูลค่าที่ปิดประมูลจำนวนถึง 735.18 ล้านบาท

นายฉัตรชัย กล่าวว่า จากความสำเร็จในปีที่ผ่านมาทำให้ในปี 2564 ธนาคารจึงเดินหน้าจัดให้มีการประมูลบ้านมือสองออนไลน์ประจำทุกเดือน ซึ่งการประมูลครั้งแรกของปี 2564 กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 22 มกราคม 2564 เวลา 12.00 -13.00 น. โดยนำทรัพย์สภาพดีทั่วประเทศรวม 990 รายการ ได้แก่ ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ห้องชุด อาคารพาณิชย์ และที่ดินเปล่า มาเปิดประมูลให้กับลูกค้าที่เลือกซื้อง่าย ๆ พร้อมกันทั่วประเทศผ่าน Application : G H Bank Smart NPA


อ่านเนื้อหาทั้งหมดจาก 

https://www.matichon.co.th/economy/news_2541127

ภาษาอังกฤษทีละคำ : acument (N)

 


a·cu·men
/əˈkyo͞omən,ˈakyəmən/. ออกเสียงหนักที่พยางค์แรก "แอ๊ค" --.
noun
  1. the ability to make good judgments and quick decisions, typically in a particular domain.
    "business acumen"

Credit: https://languages.oup.com/

ความสามารถในการตัดสินค่าที่ดีและตัดสินใจที่เร็ว ในด้านใดด้านหนึ่ง เช่น

Your business acumen can be helpful in this charity.
ความเจ๋งทางธุรกิจของคุณจะเป็นประโยชน์กับการกุศลครั้งนี้

Her academic acumen makes her very successful in this research firm. 
ความสามารถพิเศษในเชิงวิชาการ(ของเธอ)ทำให้เธอประสพความสำเร็จมากในบริษัทที่เน้นงานวิจัยแห่งนั้น

Bitcoin EXPLAINED - What Buffett, Musk, Cuban, Gates, Dalio, and more Th...

"ธนาธร" ไม่แคร์โดน112 เดินหน้าตรวจสอบรบ.ต่อไป จี้นายกฯ เปิดเอกสารชี้แจงก...

Biden Heads in Wrong Direction: McConnell; Articles of Impeachment Again...

Thursday, January 21, 2021

ให้ภาพเล่าเรื่อง : เบื้องหลังเบื้องลึกและเบื้องล่าง วัคซีนอัปยศ

ม็อบบุกก.คลัง ให้เวลา 7 วัน ตัดงบสถาบัน-กองทัพ นำเงินเยียวยาปชช. : Matichon TV

จะให้จบในรุ่นเรา ได้อย่างไร? โดย ดร. เพียงดิน รักไทย 22 มกราคม 2564

 

"เดี๋ยวมันก็พังเอง" นี่คือวาทกรรมอันตราย เสนอให้คิดโดย ดร. เพียงดิน รักไทย มหาวิทยาลัยประชาชน

ฝรั่งเศส : เมื่อกษัตริย์ขั่วร้าย เป็นทรราช ก็ต้องได้รับโทษทัณฑ์ (เพลงกิโยติน)

ธนาธร ชี้ วางเพลิงเรือยอร์จ เพื่อหวังทำลายความน่าเชื่อถือทางการเมือง

 

Wednesday, January 20, 2021

สรุปเหลี่ยมคมการเมืองอเมริกัน ยุคทรัมพ์=>ไบเด้น โดย ดร. เพียงดิน รักไทย 20 มกราคม 2564

สรุปเหลี่ยมคมการเมืองอเมริกัน ยุคทรัมพ์=>ไบเด้น โดย ดร. เพียงดิน รักไทย 20 มกราคม 2564


URL : https://youtu.be/mTkHa2aEZLk

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 15 รักหวานที่โลซานน์ และ บัลลังก์เดือด

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 14 รักหวาน และ บังลังก์เดือด

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 13 การหวนคืนของจักรี 2489 – 2492 นำเสนอโดย ดร ...

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 12 ปริศนาฆาตกรรม (ต่อ)

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 11 ปริศนาฆาตกรรม

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 10 จากเจ้ากลางแถว สู่ธรรมราชา!!!

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 9

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 8

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 7

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 6

Tuesday, January 19, 2021

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 5

 

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 4

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 3

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 2 ทำไมกษัตริย์จึงไม่ยิ้ม?

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 1 บทนำ ฉีกหน้ากากลวงโลก

 

อนุทิน เดือด ธนาธร สอนมวย ประยุทธ์-อนุทิน (ดูคลิป) ลั่น "มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ"


จากคลิปนี้ แสดงให้เห็นว่าคุณธนาธรมีกระบวนการคิด ความรู้ในเรื่องที่พูด การวางเป้าหมาย ยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี และการอ่านเกมที่กว้าง ฉลาด และก้าวหน้า ฯลฯ โดยการนำเสนอสะท้อนให้เห็นชั้นของการคิดแบบนักบริหาร เหมาะสมกับคนที่จะทำงานระดับนายกรัฐมนตรีอย่างเด่นชัด

ยิ่งฟังคุณธนาธร ท่านก็คงยิ่งคิดถึงคนอย่าง ดร. ทักษิณ ชินวัตร 
และเมื่อเทียบกับคนอย่างคุณอนุทิน และพ่อประยุทธ์ คนเก่งสามโลก 
เราคงเห็นแล้วว่า มันคนละโลก คนละชั้น คนละเกรด!!!

แม้เราจะเชื่อได้ว่า คุณธนาธรคงไม่ได้มีเจตนาจะสอนมวย หรือทำตัวเป็นศัตรู 
และการวิพากษ์วิจารณ์นี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างยิ่ง และยังได้ชี้ทิศทางนี้ หากคนฟังอย่างคุณอนุทินและคุณประยุทธ์ รวมถึงคณะรัฐมนตรีด้วย แต่สำหรับคนที่กินบ้านกินเมืองวันนี้ โดยสันดานแล้วจะไม่มีวันฟังผู้อื่น แล้วน้อมใจเปิดรับ เพื่อแก้ไข. แต่เราจะเห็นความโกรธแค้นและการเร่งจัดการคุณธนาธรเร็วขึ้น

วันนี้สถาบันทิศทางไทย ซึ่งทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงหรืออาวุธด้านสื่อให้ตระกูลมหิดล และกลุ่มที่ถืออำนาจของชาติไว้วันนี้ ก็ได้ออกมาชี้เป้าและสร้างความเกลียดชัง ป้ายสี และจงใจทำลายคุณธนาธรอย่างมุ่งมั่น

นี่คือ คันฉ่องส่องไทย

เอาไปพิจารณา แล้วตั้งเกมรับเกมรุกกันให้ดี
เป็นห่วงน้อง ๆ ราษฎรปลดแอกและทุกกลุ่ม และเป็นห่วงคุณธนาธรยิ่ง

Monday, January 18, 2021

ลุงเย็นลมป่า-อาคม ซิดนีย์ ตอน สัมพันธ์รักสังวาลย์​ อำมาตย์กับศักดินาพาวุ่น

ย้อนฟัง ลุงเย็นลมป่า เมื่อใกล้เวลาลั่นกองรบด้วยพลังสันติวิธีที่มหาศาลของปวงชนชาวไทย

ย้อนฟัง ลุงเย็นลมป่า เมื่อใกล้เวลาลั่นกองรบด้วยพลังสันติวิธีที่มหาศาลของปวงชนชาวไทย

 

Pier 39 on Jan. 18, 2021 เชิญชมบรรยากาศชวนฝันยามเย็น ณ Pier 39 และสะพาน Golden Gate

"รัชกาลที่ 5 ไม่ได้เป็นกษัตริย์ที่เก่งกล้าสามารถอย่างร่ำลือกัน" ลองไปพิสูจน์หลักฐานกัน

 "รัชกาลที่ 5 ไม่ได้เป็นกษัตริย์ที่เก่งกล้าสามารถอย่างร่ำลือกัน" ลองไปพิสูจน์หลักฐานกัน



รัชกาลที่ 5 ขึ้นครองราชย์ เมื่ออายุ 15 ปี มีลูกทั้งหมด 77 คน 

มีเมียอีกมากมาย และมีพี่สาวอายุมากกว่า 1 ปี เป็นเมียชื่อพระองค์เจ้าทักษิณชา 

นราธิราชบุตรี พอคลอดลูกคนโตลูกก็ตายในวันที่คลอด 

พระองค์เจ้าทักษิณชาเสียใจมากจนวิกลจริตเลยต้องถูกขังเอาไว้ตลอดชีวิต 


พระองค์ยังได้สร้างความเข้มแข็งแห่งลัทธิกษัตริย์นิยม 

โดยทรงสนับสนุนลัทธิชาตินิยม รวมทั้งการสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น

ให้กับท้องพระคลัง ด้วยการทำให้ประชาชนที่อยู่ในเขตแดนสยาม

ต้องขึ้นอยู่กับคำสั่งโดยตรงจากพระองค์เพียงผู้เดียว

เป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธราชย์คืออำนาจทั้งหมดรวมศูนย์อยู่ที่กษัตริย์ผู้เดียว 


โดยการส่งพระราชโอรสและพระบรมวงศานุวงศ์ไปควบคุมหัวเมืองต่างๆ 

ที่ในอดีตปกครองกันดัวยความสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติ 

ที่มีกฎระเบียบและรูปแบบการบริหารโดยเจ้าเมืองท้องถิ่นที่เรียกว่าประเทศราช 

คือมีหลายแคว้นปกครองตนเองคล้ายระบบสาธารณรัฐ 

นอกจากพื้นที่รอบเมืองหลวงแล้ว ประชาชนในพื้นที่รอบนอกต่างก็รู้สึกไม่พอใจ 

และต่อต้านความพยายามของราชวงศ์จักรีที่จะเพิ่มระดับของการรีดนาทาเร้น 

ที่พวกเขาจำต้องทนแบกรับอยู่ก่อนแล้วให้มากยิ่งขึ้นไปอีก


ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้พยายามบังคับให้ปัตตานีจ่ายภาษีตรง

มายังท้องพระคลัง โดยใช้กองกำลังและความรุนแรงเพื่อบีบบังคับให้ชาวปัตตานี

ต้องปฎิบัติตาม เช่นเดียวกับที่เคยทำในอดีต แบบเดียวกับแนวนโยบาย

การจัดการกับภาคใต้ของผู้ปกครองคนต่อๆมา 

การที่ส่วนกลางไม่เคยไว้วางใจชาวมุสลิมมาเลย์ที่พูดภาษายาวี 

ได้นำมาสู่ความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าของความพยายามอย่างบ้าคลั่ง

ที่จะอัดฉีดโครงการต่างๆ เพื่อสร้างความเป็นไทยให้พวกเขาเหล่านั้น

 มากกว่าการอัดฉีดเงินลงไปเพื่อการพัฒนาภาคใต้อย่างแท้จริง 


ประชาชนชาวอิสานก็เคยต่อสู้กับการกดขี่ของราชวงศ์จักรีที่เรียกว่า 

กบฏผู้มีบุญอีสาน ช่วง 2444-2445 โดยมีผู้ตั้งตัวเป็น "ผู้มีบุญ" ถึง 60 คน 

กระจายอยู่ถึง 13จังหวัด การลุกขึ้นสู้ของชาวร้อยเอ็ดหรือกบฏร้อยเอ็ดในปี 2444 

ที่นักสู้อิสานได้จับมีดจับพร้าลุกขึ้นสู้กับกองกำลังของรัชกาลที่ 5 

ในครั้งนั้นผู้กล้าชาวอิสานหลายร้อยคนต้องถูกสังหาร 

แกนนำหลายคนถูกตัดหัวและเสียบประจานที่ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 

สงครามเพื่อขยายราชอาณาจักรของราชวงศ์จักรี 

ควบคู่ไปกับวัฒนธรรมและภาษาไทย รวมทั้งการส่งเสริมพุทธศาสนา

แค่เปลือกนอกเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ศูนย์รวมจิตใจของประชาชน 


รัชกาลที่ 5 ไม่ได้เป็นกษัตริย์ที่เก่งกล้าสามารถอย่างร่ำลือกัน 

เมื่อไหร่ที่มีเรื่องของตนเอง พระองค์จะหยุดบริหารบ้านเมืองทันที 

บางครั้งก็หยุดไปเป็นเดือน งานกองคั่งค้าง ให้กรมพระยาดำรงราชานุภาพสะสางแทน 

เช่น ถ้ามีเหตุพระโอรสหรือพระมเหสีสิ้นพระชนน์ พระองค์จะหยุดบริหารบ้านเมือง 

หรือถ้ามีพระมเหสีป่วยพระองค์ก็จะหยุดว่าราชการ 

ซึ่งพระโอรสกับพระมเหสีของพระองค์มีเป็นร้อยพระองค์ 


บางทีต้นพยอมออกดอกทั่วทั้งวังก็ให้หยุดว่าราชการทันที 

วังสมัยรัชการที่ 5 จึงเป็นวังที่สนุกสนานรื่นเริงเสมอ 

พระองค์ส่งแต่พระโอรสและพระญาติพระวงศ์ทั้งนั้นให้ไปเรียนนอก 

โดยเกือบไม่มีสามัญชนที่จะมีโอกาสได้ไปศึกษา 

จนกระทั่งปลายรัชกาลจึงเริ่มให้เด็กนักเรียนที่สอบได้ที่ 1 ของประเทศ 2 คนได้ไป 

พระโอรสที่พระองค์ส่งไปเรียนที่เมืองนอกทั้งหมดก็ให้เรียนวิชาทหารเท่านั้น

ห้ามเรียนวิชาอื่น หรือใครจะเรียนวิชาอื่นก็ได้แต่ต้องเรียนวิชาทหารก่อน

ยกเว้นพระองค์เจ้าราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ที่ได้เรียนวิชากฎหมาย 


สมัยรัชกาลที่ 5 ถือได้ว่าประเทศไทยกับญี่ปุ่นเริ่มพัฒนาพร้อมกัน

 แต่ประเทศญี่ปุ่นนำเงินไปพัฒนาประเทศ พัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาอู่ต่อเรือ 

ญี่ปุ่นส่งคนไปนอกเพื่อพัฒนาความรู้ด้านต่างๆ ให้เก่ง 

แต่ ร. 5 ปรารภว่าพระโอรสทุกพระองค์เมื่ออายุครบ 18 จะต้องมีวังได้อาศัย 


เพราะฉะนั้นงบทั้งหมดจึงหมดไปกับการสร้างวังเป็นจำนวนมาก 

โดยย้ายจากวังหลวงหรือพระบรมมหาราชวังจากวัดพระแก้วมาอยู่ที่พระราชวังดุสิต

โดยมีจุดเด่นคือพระที่นั่งอนันตสมาคมที่สร้างจากหินอ่อนที่นำเข้าจากอิตาลี


และพระองค์เจ้าทุกพระองค์ต้องมีเบี้ยหวัดเงินปี เป็นเงินมากพอใช้ได้อย่างสบาย 

ทุกพระองค์รวยทั้งนั้น แล้วจะเอาเงินภาษีอากรที่ไหนไปพัฒนาประเทศ 

เพราะฉะนั้นในรัชกาลที่ 6 และรัชกาล ที่ 7 

จะเห็นว่าในกรุงเทพมีวังทุกหัวถนนเต็มไปหมด 


ที่สนามหลวงมีวังหน้า (พุทไธ ศวรรย์) ในกรมพระราชวังบวรสถานมงคล 

ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ


เลี้ยวไปถนนราชสีมาก็มีวังสวนสุนันทา ที่สร้างเพราะพระราชวังดุสิต

มีผู้คนพลุกพล่านขาดความเป็นส่วนตัว


วังปารุสกวัน มุมถนนพิษณุโลก ตัดกับถนนราชดำเนินนอก 

เขตดุสิตสร้างเป็นที่ประทับของเจ้าฟ้าจักรพงษภูวนาถ 

ในวโรกาสที่สำเร็จการศึกษาวิชาการทหาร จากรัสเซีย 

ปัจจุบันใช้เป็นที่ทำการของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล


วังกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หรือ วังนางเลิ้ง ริมถนนลูกหลวง 

ปากคลองเปรมประชากรใกล้ทำเนีบรัฐบาล ต่อมาใช้เป็นที่ตั้งของ 

โรงเรียนพณิชยการพระนคร ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร


เลี้ยวไปถนนสามเสนก็เจอวังศุโขทัยที่สร้างให้เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์(รัชกาลที่ 7) 


เลี้ยวไปอีกเป็นวังลดาวัลย์ ให้เป็นที่ประทับของเจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร

(ต้นราชสกุลยุคล)เมื่อคราวใกล้จะสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ 

ประเทศอังกฤษ 

ปัจจุบันเป็นที่ตั้งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ของรัชกาลที่ 9 


มาทางถนนราชวิถีก็มีวังพญาไท ที่สร้างใช้เป็นที่เสด็จทอดพระเนตรการทำนา 

การปลูกผักและการเลี้ยงสัตว์


วังสะพานขาว ริมถนนหลานหลวงตัดกับถนนกรุงเกษม 

สร้างให้พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาวิชาการ

ทหารเรือจากประเทศอังกฤษ เคยเป็นที่ทำการกรมประชาสงเคราะห์

 ปัจจุบันเป็นกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคม

และความมั่นคงของมนุษย์


วังมหานาค อยู่ริมคลองมหานาค ใกล้สะพานกษัตริย์ศึก 

สร้างพระราชทานแก่พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช หลังเสด็จกลับจากการศึกษา

วิชาการทหารที่ประเทศ เดนมาร์ก ต่อมาวังนี้ก็ถูกตัดแบ่งขาย 

ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของตลาดมหานาค โรมแรมปริ๊นซ์พาเลช และโบ๊เบ้ทาวเวอร์


วังบูรพาภิรมย์หรือวังบูรพา สร้างพระราชทานเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ 

น้องสุดท้องของสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ต่อมาได้ขายให้เอกชน 

มีการรื้อวังออก สร้างเป็นศูนย์การค้าและโรงภาพยนตร์คิงส์ ควีนส์ และแกรนด์ 

รวมกับตลาดมิ่งเมือง ปัจจุบัน คือ ดิโอลด์สยามและโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง 


วังจักรพงษ์หรือวังท่าเตียน ของพระองค์เจ้าจักรพงษ์ภูวนาถ ....มีวังทุกหัวถนน 

เป็นเหตุให้ต้องมีการปฏิวัติ 2475 

เพราะประชาชนจะลำบากแค่ไหนแต่วังทุกวังจะต้องสนุกสนาน 


และวังบางวังใหญ่โตมาก มีวังบางขุนพรม ของเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์

กรมพระนครสวรรค์วรพินิต(ต้นราชสกุลบริพัตร) ซึ่งพระองค์ร่ำรวยมาก 

ไม่รู้ว่าร่ำรวยมาจากไหน มีวงดนตรีส่วนพระองค์ มีทั้งวงดนตรีไทย วงดนตรีสากล 

จะเสวยอาหารก็ต้องมีดนตรี จะบรรทมก็ต้องมีวงดนตรีกล่อม 


เรื่องที่ประกาศเลิกทาสเหมือนเป็นคุณงามความดีที่ ร.5 ได้เป็นมหาราช 

แต่ประเทศไทยเลิกทาสเป็นอันดับสุดท้ายของโลก ประเทศจีน ประเทศอินเดีย 

ประเทศญี่ปุ่น ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา เนเธอร์แลนด์ 

ทุกประเทศเลิกทาสก่อนประเทศไทยหมด 


ซึ่งการเลิกทาสมันต้องเลิกอยู่ แต่ออก พรบ. เกษียณอายุลูกทาสในปี 2417 

ให้ทาสที่เกิดตั้งแต่ปีที่ขึ้นครองราชย์ ยังเป็นทาสต่อไปจนอายุครบ 21 ปี 

ถึงจะเลิกเป็นทาส และออกพรบ.เลิกทาสในปี 2448 

เพราะว่ารัชกาลที่ 5 เกรงใจขุนนาง ขณะที่เศรษฐกิจเริ่มเป็นแบบสมัยใหม่แล้ว 

การปลูกข้าวเพื่อส่งออก ก็ต้องการชาวนา เริ่มมีอุตสาหกรรม มีโรงเลื่อยไม้ 

โรงสีข้าว ซึ่งต้องการกรรมกร 


แต่ประชาชน กลับตกเป็นเป้าแห่งการรีดนาทาเร้นจากราชวงศ์จักรีมากขึ้นกว่าเดิม 

และภาษีกว่า 80% ที่เก็บได้ ถูกดูดเข้ามายังคลังหลวงเพื่อหล่อเลี้ยงกรุงเทพเท่านั้น กระบวนการจัดเก็บภาษีของราชวงศ์จักรี ส่งผลให้มีการต่อต้านการรวมศูนย์

อำนาจที่สั่งการจากเบื้องบนอย่างต่อเนื่องและการใช้มาตราการปราบปราม

อย่างรุนแรงต่อประชาชนในเมืองที่ห่างไกล ที่ต้องทนกับการถูกขูดรีดภาษี

จนไม่เหลืออะไรไว้สำหรับการดำรงชีวิตของตัวเองและครอบครัว 

จนจำต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ 


ราชวงศ์จักรีเก่งในการปราบปรามประชาชนแต่ไม่เคยคิดสู้กับฝรั่งต่างชาติเลย 

และไทยก็เป็นประเทศเดียวในโลกนี้ที่ยอมเสียดินแดนให้พวกฝรั่ง

โดยไม่ต้องมีการรบเลย บ้านเมืองอื่นฝรั่งอยากได้ดินแดนต้องรบเอา

อย่างเดียวเท่านั้น แต่เมืองไทยยกให้เลย แล้วยังอ้างว่าเป็นพระปรีชาสามารถ 

ซึ่งที่จริงแล้วนี่เป็นนโยบายที่โง่ที่สุด 


บางดินแดนฝรั่งไม่ได้ขอแต่กษัตริย์ไทยกลับยกให้เอง เช่น ไทรบุรี กลันตัน 

ตรังกานู ปะริด ทั้ง 4 แคว้นนี้ ฝรั่งไม่ได้ขอ แต่รัชกาลที่ 5 ยกให้ฝรั่งเอง 

เนื่องจากในราวปี 2440 รัชกาลที่ 5 ได้ทำสัญญาลับกับอังกฤษ 

ยอมให้อังกฤษได้สัมปทานแร่ดีบุกของภาคใต้เพียงผู้เดียวและสัมปทานป่าไม้

ภาคเหนือ โดยห้ามยกสัมปทานนี้ให้ประเทศอื่น หลังจากนั้นเยอรมันมาขอ

สัมปทานการรถไฟในภาคใต้ รัฐบาลสยามจึงไปขอเจรจาแก้สัญญากับอังกฤษ 

แต่อังกฤษไม่ยอม จึงต้องยกดินแดน เช่น ไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู ปะริด 

ให้อังกฤษอีก อังกฤษจึงยอมแก้สัญญา 

โดย ร.5 อธิบายว่า ขืนเอาไว้ก็รักษามิได้ ซึ่งเป็นคำอธิบายที่ไม่มีเหตุผล


เมื่อฝรั่งเศสยึดเมืองจันทบุรีไว้ จึงเข้าไปเจรจากับฝรั่งเศสขอให้ถอนกำลัง

จากเมืองจันทบุรี และจะยกพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณให้ 

ซึ่งเป็นการแลกที่เสียเปรียบ และยังเอาจำปาศักดิ์ไปแลกกับเมืองตราด 

ซึ่งจำปาศักดิ์เป็นเมืองเอก แต่เมืองตราดมีพื้นที่เพียงนิดเดียว 

คนไทยไม่เคยรู้เลยว่านโยบายในช่วงสมบูรณาญาสิทธิราชย์ผิดพลาดเสียหาย

มากขนาดไหน 


ทางรถไฟที่สร้างเป็นสายแรก คือสายปากน้ำ เพื่อให้เจ้านายที่เดินเรือ

จากต่างประเทศได้นั่งรถไฟเข้ามากรุงเทพเท่านั้น 


ทางรถไฟที่สร้างไปหัวหินเพราะเจ้านายที่กลับมาจากต่างประเทศนั้น

จะได้ไปตากอากาศที่ชายทะเล ก็เลยสร้างที่หัวหิน 

ที่จริงแล้วทางรถไฟส่วนใหญ่มาสร้างสมัยจอมพล ป. 


สร้างโรงพยาบาลเพราะเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์พระราชโอรสป่วยและตาย

ตั้งแต่เด็ก ทรงเสียพระทัยมากจึงสร้างโรงพยาบาลศิริราชตามชื่อพระโอรส 


สร้างโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โดยเก็บเงินค่าการศึกษา 24 บาท

ซึ่งแพงมากสำหรับราษฎรทั่วไปในสมัยนั้น โดยอ้างว่าต้องการให้เป็นที่ศึกษา

ของกุลบุตรผู้มีสกุล พวกไพร่เลวจะได้ไม่สามารถเข้ามาเรียนได้ 


พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีพระชนนีของรัชกาลที่ 6 อยากเปิดโรงเรียนเสาวภา

เพื่อให้สตรีเข้ามาศึกษาการเป็นกุลสตรี จะได้เป็นเมียที่ดีของพวกขุนนาง 

จนพัฒนามาเป็นสถานเสาวภากาชาดไทย 


จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัชกาลที่ 5 เลย 

ที่จริงแล้วถูกตั้งขึ้นในรัชกาลที่ 6 โดยเอาเงินที่เหลือจากการสร้างอนุสาวรีย์

พระบรมรูปทรงม้าไปสร้างจุฬา การสร้างจุฬาเกิดจากการผลักดันของ

พระยาสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งเป็นอาจารย์ของรัชกาลที่ 6 

ซึ่งรัชกาลที่ 6 ก็ไม่ได้เห็นด้วยเลย แต่เนื่องจากว่าเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี

เป็นผู้ดูแลและเป็นอาจารย์ของร.6 ตั้งแต่ตอนที่อยู่อังกฤษก็เลยยอม 


พระองค์ต้องการสร้างโรงเรียนวชิราวุธซึ่งเป็นโรงเรียนของคนชั้นสูง 

แต่กระเบื้องที่มุงหลังคาของโรงเรียนวชิราวุธมีไม่พอ พระองค์จึงสั่งให้เอา

กระเบื้องจากจุฬาลงกรณ์ไปมุงแทน และให้จุฬาลงกรณ์ใช้หลังคามุงจาก


***อ้างอิงไก่บ้านตัวเต็มวัยตัวละ 1​ สลึง***


Pgpumin/Veerachon

หน้าตาอดีตภรรยา ราชินี เมียน้อย และนางสนม/นางบำเรอ หลัก ๆ ของร. 10 เป็นเช่นนี้เอง


เสียดายภาพไม่ชัดพอ
คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยายดู

ไปสืบค้นต่อกันเอง เน้อ

ธนาธร วิพากษ์ถึงกึ๋น วัคซีนพระราชทาน รวบรัดจัดซื้อผ่าน Siam Bioscience



บีบีซีไทยสรุป 5 ข้อสังเกตของนายธนาธรต่อเรื่องวัคซีนโควิด-19 ภายใต้การบริหารจัดการของรัฐบาลประยุทธ์ ดังนี้

1. รัฐบาลประมาท ไม่เร่งการเจรจาจัดหาวัคซีนจนเกิดความล่าช้า

2. "แทงม้าตัวเดียว" ไม่เปิดทางเลือกอื่นจากบริษัทอื่น ๆ

3. ความขัดกันของผลประโยชน์

4. รัฐบาลฉวยโอกาสจากโควิด กอบกู้ความนิยมช่วงที่มีการเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์

5.สถานะของสถาบันกษัตริย์กับผู้เล่นทางเศรษฐกิจไปด้วยกันไม่ได้

อ่านรายงานโดยละเอียดของ BBC ที่ https://tinyurl.com/yxsbg5au



คำเตือน!!! คณะราษฎรปลดแอก จงอย่าตกหลุมพรางคณะทรราชย์

 ผมใช้ชื่อ "คณะราษฎรปลดแอกเพื่อประชาธิปไตย" แต่งชื่อภาษาอังกฤษให้ว่า "Liberation Citizens for Democracy' (LCD) เพื่อหมายถึงขบวนการขับเคลื่อนเพื่อ 3 ข้อเรียกร้องแบบหลวม ๆ  และด้วยสภาพในปัจจุบัน เป็นการฉลาดแล้วที่ไม่โผล่หัวหางให้เขาจัดการล้มทั้งกระดาน แต่ก็จงอย่าคิดว่า กลไกความมั่นคงจะไม่รู้เท่าทันและไม่ได้คิดวางแผนทำลายล้าง จริง ๆ แล้ว ตรงกันข้าม

แต่นั่นคงเป็นสิ่งที่ระดับมันสมองของ LCD คงรู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว 

ผมติดตามกระแสการขับเคลื่อนของฝั่งเผด็จการเสมอมา เพื่ออ่านเกมและสะท้อนภาพที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายประชาธิปไตย

ในช่วงปีใหม่นี้ มีกระแสที่ชัดเจนที่สุดที่ควรจับตาดังนี้

คสช. รับคำสั่งให้จัดการกับภัยของสถาบันกษัตริย์อย่างจริงจัง และสัญญาณที่ชัดเจนโดยไม่ต้องสงสัย คือ สถาบันกษัตริย์สั่งเครือข่ายอำนาจเตรียมการปราบปรามทุกรูปแบบ โดยใช้กลยุทธทางการทหารและความั่นคงแห่งชาติ รวมทั้งกลไกราชการและนอกราชการแบบบูรณาการ

เมื่อกวาดตาดูหัวข้อข่าวคร่าว ๆ ก็จะเห็นได้ว่า มีการปลุกแนวต้านและแนวรุก เพื่อกำจัดกระแสปฏิรูปในหลายมิติ








และที่เห็นชัดมาก คือการใช้กลุ่มต่าง ๆ ที่มีความรุนแรงเชิงความคิดทางการเมืองแบบอนุรักษ์นิยม ให้เริ่มดำเนินการต่าง ๆ สถาบันทิศทางไทย เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดมาก ว่ามีเจตนาใส่ร้าย ทำลาย ยุแยง สร้างความเกลียดชัง และสนับสนุนให้ใช้ความเด็ดขาดในการกำจัดขบวนก้าวหน้า
 
 






สิ่งที่ขบวน LCD ต้องตระหนักคือ เครือข่ายราชาธิปไตยกำลังระดมพลโต้ ยัน และกำลังจะรุกอย่างหนัก และเขาต้องการทำลายล้างอย่างเด็ดขาด. แต่กำลังรอสร้างกระแสและความชอบธรรม โดยสร้างความเกลียดชัง สร้างภาพให้เราเป็นผู้ก่อการร้าย ผู้ชังชาติ ผู้ทำลายเศรษฐกิจ ฯลฯ. 

ที่น่ากลัวที่สุด คือ เริ่มมีการปล่อยข่าวให้ร้ายว่าเราจะใช้ความรุนแรง ปะทะ สร้างสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรง ฝั่ง LCD ต้องรีบจัดการวางแนวทางให้ชัด ต้องเลี่ยงการใช้ความรุนแรงในท่วงท่า การหลุดหลวมในประเด็นใด ๆ ก็ตามที่จะเข้าทางของเผด็จการ และต้องมีการจัดการขบวนทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพให้ด่วนที่สุด. และจงจำไว้อย่างดีที่สุดว่า จงเลี่ยงคำว่าตาต่อตาและฟันต่อฟัน การใช้อาวุธ หรืออะไรทำนองนี้ ที่จะทำให้เขาใช้กฎหมายใส่ร้ายป้ายสี แล้วปราบปรามในที่สุด

จงอย่าหลงไปตกหลุมพรางความรุนแรง!!!!














18 มกราคม วันกองทัพไทย สมเด็จพระนเรศวร พาทหารกู้ชาติ แต่คสช. พาทหารแก่ผลาญชาติ

ทหารที่ดีต้องไม่ยุ่งกับการเมือง นี่คือสิ่งที่ประเทศที่เจริญแล้วถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเสมอ 

ต้องเป็นทหารอาชีพที่ฝึกฝนศาสตร์ต่าง ๆ เพื่อปกป้องชาติและประชาชนจากศัตรูต่างด้าว 

ไม่ใช่การเข้าไปรับใช้สถาบันกษัตริย์ 

แล้วร่วมมือกับนายทุน ยึดอำนาจจากรัฐบาลที่ประชาชนเลือกขึ้นมาอย่างชอบธรรม จากนั้นก็สร้างกฎกติกาเพื่อให้ตนและเครือข่ายครองอำนาจทางการเมือง ซึ่งผิดหน้าที่อย่างยิ่ง เมื่อไร้ความสามารถแต่อยากยึดโยงอำนาจ ความเสียหายจึงเกิดขึ้นอย่างน่าใจหาย โดยสองฝ่ายที่ได้ประโยชน์คือสถาบันกษัตริย์และนายทุนสามานย์ตัวจริง ส่วนกองทัพก็จะตกต่ำ ถูกประชาชนรังเกียจหรือขาดความศรัทธา ทั้ง ๆ ที่ทหารส่วนใหญ่ได้ทำงานหนักและไม่ได้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทรราชของนายทหารแก่ ๆ ไม่กี่คน ที่กระโดดข้ามหัวเพื่อนร่วมอาชีพ และเหยียบย่ำประชาชนที่เสียภาษีเป็นเงินเดือนและสวัสดิการแก่ตน

สารคดีเพิ่มความรู้ : 

#พระนเรศวร #เวียงแหง #เมืองหาง

18 มกราคม วันกองทัพไทย พระนเรศวรไม่ได้สวรรคตที่เวียงแหง: สมฤทธิ์ ลือชัย I ประวัติศาสตร์นอกตำรา Ep.34



ภาคีปกป้องสถาบัน เดินตามแผน witch hunt 112 ทั่วไทย ตามพระราชประสงค์


นำเสนอข่าวโดย Bluesky ของประชาธิปัตย์
ดำเนินงานโดยทาสที่ไม่ยอมไปสู่อิสรภาพ

 

ที่แท้ ถุงพระราชทาน ใครเป็นคนจ่ายเงิน? โดย ดร. เพียงดิน รักไทย 20 เมษายน 2563

 ที่แท้ ถุงพระราชทาน ใครเป็นคนจ่ายเงิน? 

โดย ดร. เพียงดิน รักไทย 20 เมษายน 2563

 



Sunday, January 17, 2021

ประเทศไทย ควรมีกษัตริย์หรือไม่? โดย ดร. เพียงดิน รักไทย 1 ก.ค. 2555

ย้อนฟังดร. เพียงดิน รักไทย พูดเรื่องกษัตริย์
ตั้งแต่ตอนเริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัยประชาชนใหม่ ๆ


"ประเทศไทย ควรมีกษัตริย์หรือไม่ควรมี" - That's the question!! รายการชวนคิดชวนคุย โดย ดร. เพียงดิน รักไทย
มหาวิทยาลัยประชาชน ประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2555
รับฟังโดยตรงทางยูทูป http://youtu.be/4QFkY0eJcoU

พิษ 112 จับขังโดยไม่ให้ประกันตัว สุดท้าย ขังเกินโทษ ทำลายชีวิตครอบครัววิศวกร

โปรดตามลิ้งค์นี้ไปอ่านให้ได้นะครับ อ่านบทสนทนาทั้งหมด: https://tlhr2014.com/archives/25137


 ‘สิรภพ’ ยันยื่นอุทธรณ์ต่อ คดี 112 ชี้ กม.ถูกใช้เป็นเครื่องมือ จัดการพวกต้านรัฐประหาร

จากกรณีที่ ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี หมายเลขดำอ.3032/62 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสิรภพ กรณ์อรุษ เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นเบื้องสูง ตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 โดย ศาลสั่งจำคุก 6 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 4 เหลือคงจำคุก 4 ปี 6 เดือน

ศาลอาญาจำคุก 4 ปี 6 เดือน ‘สิรภพ’ หมิ่นเบื้องสูง

ทั้งนี้ นายสิรภพ จำเลย กล่าวว่า จะอุทธรณ์คดีนี้ต่อไป ตนยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงและต้องการเผยแพร่ต่อสาธารณะ ในวันนี้บางอย่างอาจจะพูดไม่ได้ เพราะอยู่ระหว่างต่อสู้คดี แต่เชื่อว่าวันข้างหน้าคำฟ้องทุกหน้า ข้อกล่าวหาทุกบรรทัดจะได้เผยแพร่เป็นสาธารณะ เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างกับการฟ้องร้องเอาผิดมาตรา 112 ที่เกี่ยวเนื่องกับการหมิ่นประมาทสถาบันเบื้องสูง

นายสิรภพกล่าวต่อว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่ถูกขังในระหว่างพิจารณาคดี และไม่ได้รับการประกันตัวนานที่สุด ในคดีนี้ เป็นระยะเวลา 4 ปี 11 เดือน แล้วก็มาได้รับการประกันตัวในช่วงใกล้จะมีการเลือกตั้งปี 2562 ประกอบกับมีเอกสารแถลงการณ์ของยูเอ็นกับการคุมขัง ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ได้รับการปล่อยชั่วคราว ส่วนจุดยืนของตนเองนั้น เพื่อต้องการให้เห็นว่า มีการใช้กฎหมายมาตรา 112 เป็นเครื่องมือกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่ต่อต้านการรัฐประหาร ส่วนประเด็นการถูกกล่าวหาพาดพิงสถาบันเบื้องสูงนั้น ขอไม่ตอบ เนื่องจากอยู่ระหว่างถูกกล่าวหาด้วยมาตรานี้ แต่เรื่องการต่อสู้ยังยืนยันว่าจะไม่หยุด ยังเดินหน้าต่อไ88

สิรภพหรือที่รู้จักในนามปากกาบนโลกออนไลน์ว่า "รุ่งศิลา" คือหนึ่งในผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 "หมิ่นประมาทกษัตริย์" ในช่วงหลังรัฐประหารปี 2557 จากการถูกกล่าวหาว่าเผยแพร่บทความและข้อความจำนวน 3 ข้อความบนเว็บบอร์ดประชาไทในปี 2552 และในเว็บ-เฟซบุ๊กส่วนตัวในปี 2556-2557 ซึ่งฝ่ายความมั่นคงเห็นว่าทำให้ประชาชนไม่เคารพเทิดทูนกษัตริย์ 

เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ตัดสินใจให้การปฏิเสธ ขอสู้คดีมาตรา 112 แม้เขาจะต้องแลกอิสรภาพเกือบ 5 ปีให้กับเรือนจำ เพื่อต่อสู้คดีที่ศาลยังไม่ตัดสิน ท่ามกลางสังคมสุญญากาศที่การวิพากษ์วิจารณ์กฎหมายมาตรา 112 กลายเป็นเรื่องทำได้ยาก ในห้วงเวลาที่ผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 เป็นตราบาปที่สังคมไม่กล้าแม้จะเอ่ยถึง 

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนชวนสนทนากับสิรภพถึงเส้นทางการต่อสู้คดีมาตรา 112 อันยาวนานบนศาลทหาร-พลเรือน และวิธีคงความเป็นมนุษย์ในชุดผู้ต้องขังที่ทำให้ "5 ปีในคุกก็เอาเกียรติของเขาไปไม่ได้" 

ก่อนศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีนี้วันจันทร์ที่ 18 ม.ค. 2564 เวลา 09.00 น. 

อ่านบทสนทนาทั้งหมด: https://tlhr2014.com/archives/25137

อ่านข้อมูลคดีมาตรา 112 ของสิรภพ: https://database.tlhr2014.com/public/case/580/lawsuit/202/

เครดิตข่าว ส่งมาทางไลน์ 


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ... (ต้องอ่านให้ได้)

 🤪🇹🇭🦖วันนี้จะขอเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฟังครับ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ทำตัวเหลวแหลก ชอบเอาเงินกองทุนหมู่บ้านไปร่ำสุราเคล้านารี ทำให้ลูกบ้านไม่พอใจพากันลุกฮือประท้วงเรียกร้องให้ผู้ใหญ่บ้านปรับปรุงตัวเอง

บังเอิญว่าในช่วงนั้น กำลังเกิดโรคชนิดใหม่แพร่ไปในหลายหมู่บ้าน หมอในหมู่บ้านก็พยายามจะหายาจากหมู่บ้านอื่น ๆ มาแจก บ้างก็จะเอาสูตรปรุงยาจากหมู่บ้านอื่นมาปรุงในหมู่บ้าน แต่อยากทำคะแนนกับลูกบ้านเลยวางแผนว่าจะเอาเงินกองทุนหมู่บ้านซึ่งเก็บจากลูกบ้านมาซื้อยาแจกในนามของตัวเองภายใต้ชื่อโครงการ “วัคซีนของพ่อ(ใหญ่บ้าน)” ผู้ใหญ่บ้านจึงบอกให้หมอยาทุกคนในหมู่บ้านหยุดปรุงยาและไม่ให้ใครเอายามาขายยกเว้นบริษัทของผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น โดยกะว่าผู้ใหญ่บ้านจะเก็บคะแนนเพิ่มอีกโดยการแจกยาเป็นหมู่บ้านแรกในละแวกนั้น จะได้ลบคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ลูกบ้านมีต่อตัวเอง

แต่ด้วยความที่ผู้ใหญ่บ้านผูกขาดยาไม่ให้ใช้สูตรอื่น ให้ใช้เฉพาะที่บริษัทผู้ใหญ่บ้านหามา และยังไม่ยอมให้คนอื่นที่มีความสามารถมากกว่าผู้ใหญ่บ้านปรุงยาหรือเอายามาแจก ทำให้ไป ๆ มา ๆ หมู่บ้านในละแวกใกล้เคียงได้ยาไปหลายที่แล้ว เหลือแต่หมู่ 10 หมู่บ้านเดียวที่ช้า ต้องรอถึงกลางปีกว่าจะได้ยา ทำให้ลูกบ้านต้องเจ็บป่วยล้มตายและสิ้นเนื้อประดาตัวมากมายจากสภาวะเศรษฐกิจหมู่บ้านซบเซา นอกจากนี้ ยังเกิดการทุจริตกันมหาศาลทำให้หมู่ 10 ต้องซื้อยาในราคาที่แพงกว่าหมู่บ้านอื่น ๆ ผู้ใหญ่บ้านเสียหน้าก็เลยให้พ่อค้าผูกขาดในหมู่บ้านไปเอายาจากจีนมาแจกไปพลาง ๆ ก่อน แต่ปรากฎว่ายาจากจีนนั้นก็ไม่มีคุณภาพ ลูกบ้านจึงพากันไม่พอใจมากกว่าเดิม

ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 จะรอดพ้นวิกฤติศรัทธานี้หรือไม่ ชะตากรรมของชาวบ้านหมู่ 10 จะเป็นยังไง โปรดติดตามตอนต่อไป



เครดิต : สหายนิรนามท่านหนึ่ง

คนไทยบางส่วน คิดว่า "มีกษัตริย์เป็นประมุข ดีที่สุดแล้ว"??? โดย ดร. เพียงดิน รักไทย 17 มกราคม 2564


คนไทยบางส่วน คิดว่า "มีกษัตริย์เป็นประมุข ดีที่สุดแล้ว"??? นักการเมืองเลว ฯลฯ แล้วฝั่งประชาธิปไตยจะทำอย่างไร?

โดย ดร. เพียงดิน รักไทย 17 มกราคม 2564

ระวัง ! แผนชั่วอนุรักษ์นิยม ดาวสยาม 2564 ใส่ร้ายพญาบาลอาสา เตรียมบึ้ม????


มีผู้แจ้งเตือนมาดังนี้: 
_______________________________________

ระวัง ! แผนชั่วอนุรักษ์นิยม ดาวสยาม 2564 ใส่ร้ายพญาบาลอาสา เตรียมบึ้ม????


นี่คือพฤติกรรมดาวสยาม ยุค 2564
สร้างความเกลียดชัง ยัดเยียดภาพชั่วร้าย
กรุยทางสร้างความรุนแรง ปราบปรามผู้เห็นต่าง 
ไม่มีทางเสื้อแดงจะมีปัญญาบึ้มที่ไหนได้ในตอนนี้ที่ทหารตำรวจเพ่นพ่านทุกซอย
พวกมันแหละจะจัดให้

สถาบัน 'ทำลายไทย'

________________________________

 

อวสาน สิระ เจนจาคะ ฝ่ายค้านหอบ145รายชื่อ ยื่น “ชวน” ส่งศาล รธน. ถอดถอน


 ฝ่ายค้านหอบ145รายชื่อ ยื่น “ชวน” ส่งศาล รธน.ถอดถอน“สิระ”ใหม่ 

ด้าน”เสรีพิศุทธ์”แขวะสิระคงแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ถอนชื่อยาก ส่วนเลขาฯเพื่อไทยไม่หวั่น ถูกขู่ยุบพรรค ชี้ ส.ส. มีสิทธิ์ลงชื่อถอดถอนได้

เมื่อ 15 ม.ค. 2564 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ยื่นเรื่องขอให้ถอดถอนนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐนั้น เนื่องจากมีสมาชิกร่วมลงชื่อไม่ถึง 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกตามที่กฎหมายกำหนด 

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (15 ม.ค.) พรรคร่วมฝ่ายค้านได้นำรายชื่อ ส.ส. มายื่นให้ตนอีกครั้ง ประกอบด้วยพรรคเสรีรวมไทย 10 รายชื่อ พรรคเพื่อไทย 104 รายชื่อ พรรคก้าวไกล 27 รายชื่อ พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ พรรคพลังปวงชนไทย และพรรคไทยศรีวิไลย์ อย่างละ1 รายชื่อ รวมทั้งสิ้น 145 รายชื่อ  

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ครั้งที่ผ่านมามีการยื่นทั้งหมด 62 รายชื่อ และมีความพยายามชักชวนให้มีการถอนรายชื่อ แต่ตอนนี้เรามี 145 รายชื่อแล้ว จึงอยากให้นายสิระไปแสดงอิทธิฤทธิ์อีกครั้งว่า จะสามารถดึงใครให้ถอนรายชื่อได้อีกหรือไม่ 

“วันนี้ผมจะให้เจ้าหน้าที่ไปยื่นต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งเรื่องไปยังนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อตรวจสอบความถูกต้องแล้ว ขอให้นายชวน รีบส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเรื่องดังกล่าว อย่าใช้เวลานาน”

นอกจากนี้  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กบ่าวขอบคุณพรรคร่วมฝ่ายค้านที่สามัคคีกัน และเรื่องนี้ควรให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม ในคำร้องนั้น ได้ขอให้ศาลพิจารณาเบื้องต้นด้วยว่า หากเห็นเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนว่ามีความผิด ก็ขอให้วินิจฉัยให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปด้วย

ส่วนนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนายสิระ อาจจะมีการยื่นยุบพรรคเพื่อไทยว่า ต้องขอดูประเด็นในการยื่นยุบพรรคเพื่อไทยที่นายสิระจะยื่นก่อน อย่างไรก็ตาม กรณีที่พรรคเพื่อไทยรวบรวมรายชื่อ ส.ส. เพื่อยื่นถอดถอนนายสิระผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎรไปยังศาลรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญซึ่งสามารถกระทำได้

แหล่งข่าว : 

Saturday, January 16, 2021

หัวใจสำคัญของแนวทางปฏิวัติมดแดงล้มช้าง

 หัวใจสำคัญของแนวทางปฏิวัติมดแดงล้มช้าง

ลิ้งค์สำหรับดาวน์โหลดเพื่อเผยแพร่ pdf: http://tinyurl.com/jpsbcvn
ดร. เพียงดิน รักไทย 25 กุมภาพันธ์ 2559 (สรุปและพัฒนาจากความคิดเดิม เมื่อปี 2554),,,,"Piangdin Rakthai"


หนึ่ง การพัฒนาศักยภาพประชาชน คือหัวใจสำคัญที่สุด ของกระบวนการปฏิวัติ (ปัจจัยสู่ชัยชนะ) และผลของการปฏิวัติ (ชัยชนะ) ที่ยั่งยืน โดยปัจจัยที่เอื้อให้การพัฒนา และการประสพชัยชนะได้อย่างแท้จริงและรวดเร็ว คือความไม่กลัว ความฉลาดเท่าทันเกมเผด็จการ และการใช้ความได้เปรียบทุกรูปแบบในการสร้างความเปลี่ยนแปลง
สอง ต้องเน้นการใช้จุดแข็งสู้จุดอ่อนของเผด็จการ กล่าวคือ ต้องใช้ความได้เปรียบเช่น จำนวนอันมหาศาลของประชาชนผู้ถูกกดขี่ ความชอบธรรมของประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง หลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก สันติวิธีที่จะทำให้อำนาจปืนและอำนาจเถื่อนเสื่อมสมรรถภาพ เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดที่ช่วยเผยแพร่ความรู้ ความจริง ข่าวสาร และการประสานงาน ตลอดจนความได้เปรียบทางชัยภูมิ
สาม ต้องยืนบนหลักการสากล อันได้แก่ หลักประชาธิปไตยที่แท้จริงและสมบูรณ์ หลักสิทธิมนุษยชน หลักสันติวิธี และความจริง เหล่านี้คือสิ่งดีที่ปวงชนปฏิวัติต้องยึดถือและพัฒนาตัวเองให้สอดคล้อง ในขณะที่จะต้องต่อต้าน ขจัด หรือทำลายสิ่งที่ตรงข้ามในทุกมิติที่ทำได้ บนสติและความหยั่งรู้ว่า ปวงชนต้องทำตัวหรือยกระดับคุณภาพของตนให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นเป้าหมายของการปฏิวัติด้วย (เทียบเคียงได้กับหัวใจของศาสนาพุทธ คือ ทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำใจให้ปราศจากกิเลส)
สี่ ประชาชนจะต้องเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง (ระบอบ) ที่ครอบงำ เอารัดเอาเปรียบ กดขี่ ข่มเหง และยัดเยียดความทุกข์ให้พวกเขาในทุกมิติ คือ การเมืองการปกครอง การทหาร เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การศึกษา ศาสนา สาธารณสุข และการต่างประเทศ โดยต้องเข้าใจว่า ตัวบุคคล โครงสร้างองค์กรหรือสถาบันต่าง ๆ กลไกและเครื่องมือต่าง ๆ ความเชื่อและวิถีปฏิบัติที่ครอบงำ (วัฒนธรรม) และจิตสำนึกที่ถูกสร้างขึ้นโดยชนชั้นที่ได้เปรียบหรือเอาเปรียบ และจะต้องช่วยกันยกระดับคนรอบข้างให้เป็นผู้รู้และเข้าใจอย่างเท่าทันต่อการกดขี่และเอารัดเอาเปรียบเชิงโครงสร้างเหล่านั้น เพื่อเป็นฐานสำหรับการเคลื่อนไหวต่อสู้ในทุกมิติ
ห้า ความสำเร็จของการปฏิวัติประชาชนในยุคปัจจุบันต้องอยู่บนความพร้อมของปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่สานสอดกัน คือ มวลชนที่พร้อมทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ อุดมการณ์ร่วมและแนวทางที่เป็นเอกภาพ ขบวนนำที่มีความชอบธรรมและจริงจังต่อระบอบประชาธิปไตย กองทัพที่ต้องรับใช้ประชาชน และมหามิตรประเทศที่พร้อมช่วยเหลืออย่างจริงจัง
หก เป้าหมายของการปฏิวัติเป็นไปตามยุทธศาสตร์รับ ยัน รุก และรุกฆาต ในแต่ละมิติตามวิสัยที่เป็นจริง แต่จะต้องมุ่งให้ประชาชน ตาสว่างทั้งแผ่นดิน ต่อต้านขัดขืนสิ่งชั่วร้ายในทุกมิติ แล้วไม่ยอมรับให้ผู้ปกครองเถื่อนปกครองอีกต่อไป และเมื่อความพร้อมมาถึง ประชาชนจะยึดอำนาจคืนมา เพื่อจัดการสร้างชาติใหม่บนหลักการในข้อสาม ข้างต้น (ล้มช้าง สร้างชาติ)
เจ็ด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้างต้องยึดหลักการใช้พลังธรรมอันมหาศาลขับไล่อธรรม หรือเอาน้ำดีมหาศาลไล่น้ำเสีย เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียอย่างควบคุมไม่ได้และยืดเยื้อเกินไป เช่นการ สังหารประชาชนมือเปล่าอย่างโหดร้าย หรือสงครามกลางเมือง หรือการแทรกแซงของต่างประเทศบนความเสียหายของชาติอันใหญ่หลวง
แปด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้าง ถือเป็นการแก้ปัญหาในบ้านของคนไทยทุกคน ที่เป็นพี่น้องร่วมชาติ ไม่ใช่ศัตรูต่างด้าวที่ต้องเข่นฆ่ากันให้อาสัญ ดังนั้น เป้าหมายจึงอยู่ที่การสร้างสภาวะที่ทำให้คนที่ทำผิดได้เกิดสำนึกแล้วกลับตัว เพื่อก้าวร่วมกันต่อไป ดังนั้น การคิดสร้างสรรค์ การปรับจิตสำนึก การให้ความเป็นธรรม การเคารพหลักสิทธิมนุษยชน และการใช้อารยวิธี จึงเป็นสิ่งที่ ขบวนปฏิวัติต้องยึดถือด้วยความรับผิดชอบต่อชะตากรรมของบ้านเกิดเมืองนอนร่วมกันของประชาชนทุกคน
เก้า การลุกขึ้นประกาศจุดยืนไม่ยอมรับการปกครองอันมิชอบของเครือข่ายเผด็จการทรราชย์โดยคนไทยทั่วประเทศในทุกจังหวัด คือวันดีเดย์ของการรุกฆาตต่อระบอบเผด็จการ และวันนั้น จะถูกกำหนดด้วยความพร้อมของทั้งขบวนในข้อห้า และภววิสัยที่เอื้อให้เกิดความสำเร็จที่ยั่งยืนบนความเสียหายที่น้อยที่สุด
สิบ ชัยชนะที่แท้จริงที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน คือการเปลี่ยนให้ประชาชน เป็นผู้รู้และเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง แล้วยกตนขึ้นเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ด้วยวิถีปฏิวัติในแต่ละวันที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อประชาชนคือผู้ที่ทำตัวสอดคล้องกับหลักการการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนได้จนเป็นนิสัยประจำชาติแล้ว ความสำเร็จที่ยั่งยืนจึงจะได้รับการประกันในที่สุด

ย่างเข้า 2564 ประยุทธ์และคสช. สร้างหนี้สะสม เกือบแปดล้านล้านบาท เกือบทะลุ 60% GDP

 Bright TV ได้สรุปสถานการคลังของประเทศไทย ใต้การบริหารของประยุทธ์ จันทร์โอชาและคณะฯ ดังนี้

ถานะและประมาณการการคลัง

1.ประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิปีงบประมาณ 2565 – 2568 เท่ากับ 2,400,000 2,490,000 2,619,500 และ 2,750,500 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ การจัดทำประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิดังกล่าวมีสมมติฐานด้านนโยบายทางภาษีที่สำคัญ ได้แก่ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ (e-service) รายได้จากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อประกอบกิจการโทรคมนาคม รวมทั้งผลจากการปรับเปลี่ยนระบบสัญญาสัมปทานปิโตรเลียมเป็นระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contract: PSC)

2.ประมาณการงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2565 – 2568 เท่ากับ3,100,000 3,200,000 3,310,000 และ 3,420,000 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งมีสมมติฐานที่สำคัญ เช่น สัดส่วนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นร้อยละ 2.0 – 3.5 ของวงเงินงบประมาณ รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้มีสัดส่วนร้อยละ 2.5 – 4 ของวงเงินงบประมาณ ค่าใช้จ่ายบุคลากรมีอัตราเพิ่มโดยเฉลี่ยไม่เกินร้อยละ 3.5 โดยใช้มาตรการให้หน่วยรับงบประมาณที่มีเงินรายได้นำมาสมทบ เป็นต้น

3.จากประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิและงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวในปีงบประมาณ 2565 – 2568 รัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณจำนวน 700,000 710,000 690,500และ 669,500 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.0 3.9 3.6 และ 3.4 ต่อ GDP ตามลำดับ

4.ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นปีงบประมาณ 2563 มีจำนวน 7,848,156 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 49.3 ต่อ GDP และประมาณการสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP สำหรับปีงบประมาณ 2565 – 2568 เท่ากับร้อยละ 57.6 58.6 59.0 และ 58.7 ตามลำดับ

(Source: https://www.brighttv.co.th/news/politics/public-debt-2020)

หากท่านสนใจความหมายของคำว่า หนี้สาธารณะและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง สามารถไปดูที่เว็บไซต์สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ที่ https://www.pdmo.go.th/th/faq-debt. ซึ่งเว็บไซต์แห่งนี้ได้สรุปหนี้สินในประเทศและต่างประเทศดังแผนภาพข้างล่าง ว่า 98.26% เป็นหนี้ในประเทศ คิดเป็นเงิน 7, 787,183.20 ล้านบาท และที่เหลือเป็นหนี้ต่างประเทศ อีก 138,194.49 ล้านบาท