ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.

Monday, August 8, 2016

จักรภพ เพ็ญแข: สรุปแล้ว ไม่มีอะไรควรเสียใจเลยครับ เราควรจัดงานเฉลิมฉลองเครื่องมือใหม่ของเราในวันข้างหน้านี้จะถูกต้องกว่า.

พี่น้องชาวประชาธิปไตยที่รักครับ

ถึงตัวผมเองจะใส่ใจน้อยมากกับการรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่คณะรัฐประหารจัดทำขึ้น เพราะรู้เห็นชาติระบอบเก่าเป็นอย่างดี แต่เมื่อทราบว่า ผลที่ปรากฎว่า "รับ" ทำให้มวลชนประชาธิปไตยไทยจำนวนไม่น้อยไม่สบายใจและไถ่ถามกันมามากว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร ผมจึงรู้สึกว่าจะต้องเขียนอะไรเล็กน้อยสำหรับพี่น้องของเราในที่นี้ โดยจะไม่รบกวนเวลามากจนเกินไป

1. เราทั้งหลายควรดีใจที่ผลออกมาเป็นแบบนี้ ท่านลองนึกภาพดูว่า หากผลออกมาว่าไม่รับ ความรู้สึกทั่วไปในหมู่คนไทยและนานาอารยประเทศก็จะเป็นไปในทางเดียวกันคือ บัดนี้ประเทศไทยได้กลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว คณะทหารที่เป็นยามเฝ้าประตูวังก็ใกล้จะหมดอำนาจแล้ว และประชาชนชาวไทยจะกลับคืนสู่ความสงบสุขในเร็ววัน ภาพลวงตาเช่นนั้นจะยิ่งทำให้เส้นทางต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมีความลำบากยากแค้นยิ่งขึ้น เพราะจะเป็นชัยชนะที่ไม่จริง และจะไม่ทำให้เราเคลื่อนใกล้เป้าหมายแห่งความเป็นเสรียิ่งขึ้นเลย ผลออกมาว่า "รับ" อย่างนี้วิเศษนัก เพราะจะเป็นหลักฐานอันถาวรที่เรานำมาใช้รณรงค์ไปได้ทั่วโลกว่าเมืองไทยยังอยู่ใต้อุ้งเท้าเผด็จการ และการต่อสู้อย่างจริงจังเป็นระบบ-ขึ้นสู่ระดับระบอบ จะต้องดำเนินต่อไปโดยไม่มีทางเลือก ผมเสนอว่าเรามวลชนประชาธิปไตยควรจะยินดีให้มากกับผลที่ปรากฎขึ้นในวันนี้ ไม่จำเป็นต้องเสียใจใดๆ เลย

2. ผลที่ออกมาเช่นนี้ จะช่วยให้ฝ่ายเราปรองดองกันได้ดีขึ้นด้วย เราคงต้องยอมรับความจริงว่า พวกเราแบ่งได้เป็น 2 ฝ่ายโดยคร่าว ได้แก่ นักเลือกตั้ง และนักปฏิวัติ นักเลือกตั้งก็เร่งเร้าให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วในขณะที่นักปฏิวัติมักดูหมิ่นแนวคิดนี้ ความจริงในขบวนประชาธิปไตยเราต้องการทั้งสองแบบ เพื่อให้มีครบทั้งอุดมการณ์และวิธีปฏิบัติ เราจึงจะเข้าสู่อำนาจได้อย่างแท้จริง แต่เท่าที่ผ่านมาราวสิบปี เราพบว่ามีความขัดแย้งในขบวนของเราในเรื่องนี้มากอยู่ และช่องว่างดูจะถ่างออกเรื่อยๆ ผลออกมาเช่นนี้ 
จะกลายเป็นทางออกที่สวยงามสำหรับเรา นักเลือกตั้งก็โปรดเตรียมเลือกตั้งเสียแต่บัดนี้ เพื่อเข้ามาใช้อำนาจรัฐวางรากฐานของระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคงกว่าที่แล้วมา นักปฏิวัติก็สานงานเรื่องระบอบของเราต่อไป โดยไม่ต้องสนใจงานบริหารประเทศแบบวันต่อวัน สถานการณ์แบบนี้ทำให้เราเดินงานได้ทั้งรัฐบาลเลือกตั้งและรัฐบาลปฏิวัติ เราจึงควรดูให้ชัดถึงผลดีอันแฝงเร้น (blessing in disguise) ของผลการ "รับ" ในวันนี้

3. เรื่องปราบ "โกง" ก็ให้เขาโฆษณาชวนเชื่อของเขาต่อไปจนกว่าศาลพระภูมิล่ม ถึงวันนั้นเรื่องจริง (ไม่ผ่านจอ) จะเข้ามาช็อคชาวไทยและชาวโลกอีกมาก ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยอย่างบริวารของผู้สูงส่งคนไหนที่กำลังขายดินที่ได้จากตึกรัฐสภาหลายแสนคิวในราคาคิวละ 300 บาทอยู่ในขณะนี้ องค์กรรัฐอย่าง ปตท. แท้ที่จริงเป็นของใครและใครบ้างที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด ใครเป็นเจ้าของเทมาเส็คของสิงคโปร์ และอยู่เบื้องหลังการห้ามขุดคอคอดกระในเมืองไทยเพื่อปกป้องไม่ให้ต่างชาติเสียประโยชน์มานานหลายสิบปี  ฯลฯ เรื่องแบบนี้คือการโกงชาติอย่างใหญ่หลวง แท้จริง เป็นระบบ และไม่มีใครหน้าไหนกล้าเอาเรื่อง เป็นการดีแล้วที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ใส่เรื่อง "โกง" ไว้มาก เราก็เอามาใช้ประโยชน์สาธารณะในอนาคตได้มาก เสมือนดาบที่เอามาฟันคอเจ้าพระยานครฯ ตามคำโคลงที่มหากวีศรีปราชญ์สาปแช่งไว้นั่นเอง โดยไม่ต้องเสียแรงร่างเองให้เมื่อย 

สรุปแล้ว ไม่มีอะไรควรเสียใจเลยครับ เราควรจัดงานเฉลิมฉลองเครื่องมือใหม่ของเราในวันข้างหน้านี้จะถูกต้องกว่า. 

ด้วยความรักต่อมวลชน

จักรภพ เพ็ญแข
7 ส.ค. 59
นอกราชอาณาจักรไทย

- เป็นห่วงศาสนาพุทธ - เป็นห่วงอนาคตลูกหลาน - รักเสรีประชาธิปไตย ลองอ่านดู

- เป็นห่วงศาสนาพุทธ -
ในสมัยอภิสิทธิ์ เวชอาชีวะพยายามผลักดันกฎหมายซารีอะให้มาอยู่ในรัฐธรรมนูญไทย.แต่มาในสมัยนี้ยัดเยียดใส่กฎหมายอิสลามไป21ฉบับและมีกฎหมายอยู่มาตราหนึ่งที่ยัดเยียดหมกเม็ดให้คนไทยรับภาระและให้มองเห็นโลกสวยในทุกด้าน

คือ...ให้กฎหมายอิสลามอันมีคัมภีร์อันกรุอานมีอำนาจอยู่เหนือรัฐธรรมนูญไทย..อิสลามทำผิดอะไรที่มีอยู่ในคัมภีถือว่าเป็นโมฆะ...

ในคัมภีร์อัลกรุอ่านฆ่าคนต่างศาสนาได้บุญนะครับ  กรุณาตีความหมายนี้ให้ดีนะชาวไทยพุทธ....ต่อไปประเทศไทยจะมีกฎหมายซ้อนกฎหมาย

คือจะมีศาลอิสลามขึ้นคู่กับศาลไทยทุกจังหวัดต่อไปอิสลามทำผิดกฎหมายจะต้องขึ้นตรงกับศาลอิสลามเพียงอย่างเดียว..

และออกกฎหมายให้มัสยิดที่สร้างไปต้องเป็นงบประมาณหลวงและโต๊ะอิหม่ำทุกคนต้องมีเงินเดือนโดยรัฐบาลจัดงบให้เพราะเป็นคนของหลวง...

เฉพาะกฎหมายให้คนอิสลามไปแสวงบุญโดยงบประมาณหลวงทั้งที่พัก รร.ที่กินที่อยู่ก็อ้วกแล้วยังจะต้องจัดสรรงบประมาณนี้ให้กับพวกเขาอีก
ต่อไปกฎหมายฮาลาลคนไทยในประเทศมีถึง 94 % แต่ทำกิจการอะไรเกี่ยวกับการบริโภคทุกอย่างแม้แต่น้ำเปล่าก็ต้องไปซื้อ เอกสารเครื่องหมายฮาลาล 10000 บาทและค่าผลิตภัณฑ์อีกต่างหากผลิตภัณฑ์ละ500บาทโดยที่คนไทยต้องเสียประโยชน์ไปฟรีๆ ปีละ20000บาทเพราะต้องต่อทุกๆปี..โดยที่เงินส่วนนี้ไม่เคยเข้ารัฐเลยแต่ไปเข้าองกรศาสนาอิสลามทั้งหมด....ชาวไทยพุทธเขามองเป็นพวกโง่เง่าเต่าตุ่นแท้ๆและยังไม่มีใครรู้ตัวกันอีกว่าคนไทยเราเป็นประชากรประเภทสองไปแล้วถ้าดูตามกฎหมายอิสลามอิสลามไม่พอใจอะไรก็ออกกฎหมายมาบีบบังคับคนไทยพุทธ...ใครออกมาปกป้องชาติพระพุทธศาสนาผู้มีอำนาจในบ้านเมืองก็หาว่าทำลายความแตกแยก......,,,ใครออกมาเคลื่อนไหวปกป้องชาติบ้านเมืองตนเอง  ก็กล่าวหาว่าทำลายความมั่นคง..แต่การปล้นชาติทำลายล้างพระพุทธศาสนากลับเห็นเป็นคนดีหมดยกย่องกันอย่างงออกหน้าออกตา ใช้อำนาจเงินไปซื้อสื่อต่างๆทีวีทุกช่องมุสชี่ครอบงำทั้งหมดและออกมาบิดเบือนโกหกต่อประชาชน โจมตีพระภิกษุแต่ละวันเพราะเขาซื้อสื่อต่าง ๆ ไว้หมดแล้ว  คนไทยส่วนมากก็คงจะถูกมุสชี่มอมเมาด้วยเกมโชว์หนังเกาหลียังนิ่งนอนใจว่าอะไรจะเกิดก็ช่างมันขอให้เราสบายเป็นพอนี่คือนิสัยของคนไทยส่วนมาก...ตื่นเถอะพี่น้องชาวไทยพุทธตื่นมาร่วมกันต่อสู้กอบกู้เอกราชของเราคืนมาจากพวกโจรปล้นชาติ...รักเธอประเทศไทย    หากรักศาสนา
พุทธขอให้ส่งต่อนะครับ

เข้าใจพระพุทธศาสนาภายใน 10 นาที

เข้าใจพระพุทธศาสนาภายใน 10 นาที

1. พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร ? 
อริยสัจ 4 คือ 
ทุกข์ คือความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ 
สมุทัย คือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ 
นิโรธ คือความดับทุกข์ 
มรรค คือข้อปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ 

2. พระพุทธเจ้าทรงสอน
เรื่องอะไร ? 
ทุกข์กับการดับทุกข์ 

3. ภาพรวมของพระพุทธศาสนา .... มีดังนี้ 
3.1 ให้มองโลกตามความ
เป็นจริง (จริงขั้นสมมุติ=สมมุติสัจจ์, 
จริงแท้=ปรมัตถสัจจ์) อาทิ
ตัวเรามีอยู่ แต่หาใช่ตัวตน
ที่แท้จริงไม่ 

3.2 ให้ถือทางสายกลาง
ทางตึง (ทรมานกายให้ลำบาก) ก็ดี, ทางหย่อน (ฟุ้งเฟ้อหลงใหล มัวเมา) ก็ดี, มิใช่แนวทางของพระพุทธศาสนา 
แนวทางของพระพุทธศาสนา คือ มรรคมีองค์ 8 ทางสายกลางพอดี ๆ 

3.3 ให้พึ่งตนเอง
มิใช่พึ่งเทวดา โชคชะตาราศี หรือ ดวงดาว ฤกษ์ยาม 

3.4 ไสยศาสตร์ การบนบานศาลกล่าว อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การดูฤกษ์ยาม การเจิม ฯลฯ มิใช่พุทธศาสนา 

3.5 สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย (อิทัปปัจจยตา) มิใช่เกิดขึ้นเองลอย ๆ หรือพรหมลิขิต การจะดับทุกข์ได้ต้องดับที่เหตุ 

3.6 โอวาทที่เป็นหลักเป็นประธาน (โอวาทปาฏิโมกข์) คือ ให้ละชั่ว ทำกุศลให้ถึงพร้อม และทำจิตให้บริสุทธิ์ 

3.7 สิ่งทั้งหลายอยู่ภายใต้กฎของไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา
แม้พระนิพพาน ก็เป็นอนัตตาเช่นกัน หาใช่อัตตาตัวตนไม่ 

3.8 ให้เชื่อในหลักธรรม คือ ทำดี-ได้ดี, ทำชั่ว-ได้ชั่ว
ให้ทำตนอยู่เหนือดี เหนือชั่วนั่นแหละ จึงจะพบนิพพาน (คือเหนือกรรม) 

3.9 จุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือนิพพาน (ได้แก่สภาวะจิตที่สงบเย็น ปราศจากทุกข์) 

3.10 สรุปธรรมทั้งปวง รวมลงในเรื่องเดียว คือ "ความไม่ประมาท" 

4. การศึกษาธรรมะ 2 สมัย 
4.1 สมัยปัจจุบัน คือ รู้จัก กับ รู้จำ .... อาศัยการฟัง อ่านค้นคว้า จึงมีความรู้อยู่ในสมองและในสมุด พูดธรรมะได้คล่องแต่ปฏิบัติไม่ค่อยได้ จึงได้ผลน้อย 
4.2 สมัยพุทธกาล คือ รู้แจ้ง ... โดยเมื่อฟังและจำแล้ว ก็จะลงมือปฏิบัติ ทำจริงในขณะนั้นทันที ทำให้เกิดผลเป็นความรู้แจ้งเรื่องชีวิต ดับทุกข์ในขณะนั้นทันที

5. วิธีศึกษาพระพุทธศาสนา 
เมื่อแรกพุทธปรินิพานนั้น สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสั่งให้ถือเอาเป็นศาสดาแทนพระองค์ มีเพียง 2 คือ ธรรมและวินัย
หลังจากนั้นมา 300 ปี จึงเกิดมีพระไตรปิฎกขึ้น (สุตตันตปิฎก วินัยปิฎก และอภิธรรมปิฎก) ..... บัดนี้ล่วงกาลมาถึง 2500 กว่าปี คำสอนเดิม ขั้นปรมัตถ์ค่อย ๆ หายไป หมดไป เกิดมีคำสอนใหม่ ๆ เป็นพุทธศาสนาเนื้องอกจับใส่พระโอษฐ์ ว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอันมาก 
ดังนั้นในการศึกษาพระพุทธศาสนาพึงอาศัยหลักดังนี้
– ด้านปริยัติ (ความรู้เนื้อหา) 
ให้อ่าน ฟัง คิด วิจัย ให้เข้าใจคือให้ปฏิบัติได้จริง .... หากสงสัย ให้อาศัยหลักกาลามสูตรเข้าพิจารณาตัดสิน มิใช่เชื่อไปเสียหมด 
– ด้านปฏิบัติ 
การปฏิบัติทุกอย่างของพระพุทธศาสนาไม่ว่าการทำทาน รักษาศีล ภาวนา พระพุทธองค์ทรงสอนให้ ทำเพื่อ "ละกิเลส" มิใช่เพื่อเอา หวังได้นั่นได้นี่ อันทำให้ยิ่งเพิ่ม โลภะ โทสะ โมหะ ซึ่งหาใช่พุทธศาสนาไม่ 
ทุกวันนี้ไหว้เพื่อเอา เพื่อขอ ทำบุญเพื่อเอาสวรรค์ นิพพาน หวังผลทั้งชาตินี้ชาติหน้า ซึ่งจะกลายเป็นพอกกิเลสยาวนาน 
– ด้านปฏิเวธ (ผล) 
ทำเพื่อละ จะพบนิพพาน (จิตบริสุทธิ์ มีความสะอาด สว่าง สงบ) แต่ถ้าทำเพื่อเอา จะพบกิเลสในตนพอกพูนยิ่งขึ้น ๆ ยาวนาน และยิ่งมีทุกข์มาก .... ดังนั้น จงมุ่งปฏิบัติเพื่อห่างไกลทุกข์โดยส่วนเดียว ให้ได้เห็นผลด้วยตนเอง (สันทิฏฐิโก) 

6. จะศึกษาพุทธศาสนาได้
ที่ไหน ? 
ให้ศึกษาในร่างกายของเราเองนี้ ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มิใช่จะต้องศึกษากับพระ และในวัดวาอารามเท่านั้น 
จึงควรศึกษาตนเอง อย่ามัวแต่ศึกษานอกตัว หรือมัวติดอยู่แค่พิธีกรรม หรือได้แต่ทำตาม ๆ เขาไป จะเสียทีที่ได้มีโอกาสเกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้ลิ้มรสแค่เปลือกกระพี้ มิได้ชิมรสอันเป็นเนื้อใน อันได้แก่ธรรมรสของความเย็นอกเย็นใจ (นิพพาน) 

7. เหตุแห่งทุกข์และ
การดับทุกข์ 
เหตุเกิดจากอุปทาน คือ การเข้าไปยึดถือว่า นี่คือ 
ตัวตนของเรา นี่ของๆ เรา
การดับ โดยละอุปทานเสีย 
(โดยพยายามปฏิบัติให้ "เห็นอนัตตา") จะโดยบังคับจิตเป็นสมาธิ (เจโตวิมุตติ) หรือโดยพิจารณาธรรมด้วยปัญญา (ปัญญาวิมุตติ) ก็ได้ 

8. พุทธพจน์ "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" 
คำว่า "เห็นธรรม" คือ เห็นปฏิจจสมุปบาท คือ วงจรที่ทุกข์เกิด และดับ โดยเริ่มต้นจากอวิชชา จนเกิดทุกข์ 

9.จุดหมายสูงสุดของ
พระพุทธศาสนา คือ นิพพาน 
(สภาวะจิตที่สงบเย็น)
ปราศจากกิเลส เครื่องร้อยรัดทั้งปวง (ชาวบ้านพูดว่า เย็นอก เย็นใจ) หาพบได้ที่ใจตัวเอง 

10. สรุป ... ทุกข์เกิดขึ้นที่จิต พึงรักษาจิตให้เป็นประภัสสรไว้เสมอ ระวังการกระทบ (ผัสสะ) ทางตา หู ฯลฯ ให้ดี มีสติรู้ทันว่า…เห็นสักว่าเห็น ได้ยินสักว่าได้ยิน อย่าให้เวทนา ตัณหา เกิดได้ แล้วท่านจะพบความสงบเย็นตลอดเวลา 
ความทุกข์เกิดขึ้นที่จิต เพราะเห็นผิดเมื่อผัสสะ ... ความทุกข์จะไม่โผล่ ถ้าไม่โง่เมื่อผัสสะ ... ความทุกข์เกิดไม่ได้ ถ้าเข้าใจเรื่องผัสสะ

..... (จากธรรมสมโภช 80 ปี พุทธทาสภิกขุ) .....

EU ว่าไง เรื่องการออกเสียงประชามติในกะลาแลนด์

แถลงการณ์โดยโฆษกของนางเฟเดริกา โมเกรินี ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปและรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เรื่องการออกเสียงประชามติเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญในประเทศไทย

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม คณะกรรมการการเลือกตั้งได้รายงานว่า จากการลงประชามติ ประชาชนชาวไทยเป็นส่วนใหญ่ได้ออกเสียงเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามในช่วงระยะเวลาของการรณรงค์ ได้มีข้อจำกัดที่เข้มงวดเป็นอย่างมากต่อเสรีภาพขั้นพื้นฐานซึ่งรวมไปถึงการห้ามจัดการอภิปรายและจัดการรณรงค์
มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ที่การจำกัดเสรีภาพในปัจจุบันทั้งในด้านการแสดงออกและการชุมนุมนั้นถูกยกเลิก เพื่อให้สามารถมีกระบวนการทางการเมืองที่เปิดเผย มีส่วนร่วม และมีความรับผิดชอบ ทางสหภาพยุโรปยังคงเรียกร้องอย่างต่อเนื่องให้รัฐบาลไทยสร้างสภาวะที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง เพื่อที่นำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปอย่างรวดเร็ว ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลักทุกส่วนในประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมการอภิปรายอย่างมีส่วนร่วมและทำงานร่วมกันอย่างสันติ เพื่อนำไปสู่จุดมุ่งหมายนี้

----
Statement by the RVP Spokesperson on the constitutional referendum in Thailand 



On 7 August, the Election Commission reported that, in a national referendum, a large majority of the people of Thailand have voted in favour of the proposed constitution. During the campaign period, however, there were serious limitations to fundamental freedoms, including restrictions on debate and campaigning.

It is essential that the current restrictions on freedom of expression and assembly are lifted to allow for an open, inclusive and accountable political process. The EU continues to call upon the Thai authorities to create the conditions for a genuine democratic transition leading to early general elections. All main stakeholders in Thailand need to engage in an inclusive dialogue and work together peacefully towards this aim.

ระยำแล้ว!! สปท.หนุนร่วมจ่ายค่าหมอ เสนอเพิ่มภาษีทางตรง ขึ้นเพดานประกันสังคม เก็บ VAT เอ็นจีโอ หนุนค่ารักษาพยาบาล

สปท.หนุนร่วมจ่ายค่าหมอ 08 สิงหาคม 2559 เวลา 09:29 น. |

เสนอเพิ่มภาษีทางตรง-ขึ้นเพดานประกันสังคม-ขอเก็บแวตเอ็นจีโออุดหนุนค่ารักษาพยาบาล คณะอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปการสาธารณสุข....... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/social/health/447325



ระยำแล้ว!! สปท.หนุนร่วมจ่ายค่าหมอ เสนอเพิ่มภาษีทางตรง ขึ้นเพดานประกันสังคม เก็บ VAT เอ็นจีโอ หนุนค่ารักษาพยาบาล

สปท.หนุนร่วมจ่ายค่าหมอ 08 สิงหาคม 2559 เวลา 09:29 น. |

เสนอเพิ่มภาษีทางตรง-ขึ้นเพดานประกันสังคม-ขอเก็บแวตเอ็นจีโออุดหนุนค่ารักษาพยาบาล คณะอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปการสาธารณสุข....... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/social/health/447325



“ช่วยกันส่งต่อด้วยครับช่วยกันส่งต่อครับ ... รธน.นี้ผ่าน "ประชาชนได้ประโยชน์ตรงไหน ?

"ช่วยกันส่งต่อด้วยครับช่วยกันส่งต่อครับ  ... รธน.นี้ผ่าน "ประชาชนได้ประโยชน์ตรงไหน ? "

(1) นิรโทษกรรม คสช. ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต สิ่งใดทำผิดกฎหมายก็ถือว่าพ้นผิด เรื่องราวการทุจริตของรัฐบาล คสช. จะเอาผิดไม่ได้ 

ประชาชนได้ประโยชน์ตรงไหน? คำตอบคือไม่ได้

(2) ผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพ จะได้ตำแหน่ง ส.ว. อัตโนมัติ กินเงินเดือน 2 ตำแหน่ง และคอยกำกับ ส.ว. ทั้งหมด (250 คน) ให้อยู่ใต้อำนาจ คสช. 

ประชาชนได้ประโยชน์ตรงไหน? คำตอบคือไม่ได้

(3) ทหารต้องการรัฐธรรมนูญนี้ เพราะต่อไปในอนาคตจะไม่ต้องเสี่ยงข้อหากบฏ ม.113 เข้ามารัฐประหาร ก็สามารถยึดอำนาจได้ทันที

ประชาชนได้ประโยชน์ตรงไหน? คำตอบคือไม่ได้

(4) คนไทยบางคนจะใช้บัตรทองไม่ได้ เพราะ "สิทธิเสมอกัน" ในทางสาธารณสุขหายไป

ประชาชนได้ประโยชน์ตรงไหน? คำตอบคือไม่ได้

(5) ทหารที่ร่ำรวยผิดปกติ สนช. สปช. สปท. ที่มีทรัพย์สมบัติมากมายหลังยึดอำนาจ จะไม่ต้องถูกตรวจสอบ และถ้ามีการทุจริตของทหาร "ยึดทรัพย์ไม่ได้" เพราะมีกฎหมายล้างผิด

ประชาชนได้ประโยชน์ตรงไหน? คำตอบคือไม่ได้

(6) หลังรัฐธรรมนูญนี้ผ่าน คสช. จะยังมีมาตรา 44 ที่ทำอะไรก็ได้ อยู่ในมือ สามารถล้มการเลือกตั้งได้ สามารถโกงได้ สามารถฉีกรัฐธรรมนูญหรือแก้ไขตามใจชอบได้ จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ แน่นอนว่ามันไม่ยอมง่ายๆ

ประชาชนได้ประโยชน์ตรงไหน? คำตอบคือไม่ได้

แค่นี้ก็พอจะเห็นแล้วว่า ทำไม? บรรดาแม่ทัพนายกองใน คสช. พวกคนดีใน สนช. สปท. ถึงเชียร์ให้คนรับ ทั้งอดีตแกนนำม็อบนกหวีด พุทธะอิสระ ถึงเรียงหน้าสามัคคีออกมา เรียกหาประชาชนเป็นเครื่องมือเพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. แล้วประชาชนจะยอมเป็นเครื่องมือให้เขาอีกไหม ?

"หลังรัฐธรรมนูญผ่าน ประเทศไทยจะไปต่อทางไหน?” เครดิต หยุดดัดจริตฯ


 
"หลังรัฐธรรมนูญผ่าน ประเทศไทยจะไปต่อทางไหน?"

ผลประชามติวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ที่ออกมา ผ่านทั้งรัฐธรรมนูญ และสิ่งที่เลวร้ายอย่าง "คำถามพ่วง" ก็ผ่านด้วย คนไทยนี่สุดยอดจริงๆ

ครั้งก่อนไม่เลือกเราเขามาแน่ ได้สุขุมพันธ์ เป็นผู้ว่า กทม.
ครั้งนี้นักการเมืองค้านแสดงว่าดี ได้รัฐธรรมนูญอัปรีย์ พร้อมคำถามพ่วง

Timeline ต่อจากนี้ของประเทศไทย (ตามลำดับ)
1. คสช. จะรับผลประชามติรัฐธรรมนูญ เท่ากับเป็นใบอนุญาตให้ "รัฐบาลประยุทธ์" บริหารประเทศต่อได้อีก 2 ปี โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เสมือนมาจากการเลือกตั้ง

2. รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะถูกประกาศใช้ และ คสช. ก็ยังอยู่โดยมีมาตรา 44 ครบถ้วน ไม่ต้องกลัวความผิดใดๆแล้ว เพราะรัฐธรรมนูญผ่าน เท่ากับนิรโทษกรรมให้ คสช. อย่างเรียบร้อย

3. มีชัย และพวก กรธ. จะร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ (กฎหมายลูก) อย่างไรก็ได้ ตามใจชอบใน 4-6 เดือน

4. สนช. อนุมัติกฎหมายต่างๆเพื่อรองรับกลไกในรัฐธรรมนูญใหม่ เคลียร์ทางสำหรับการสืบทอดอำนาจ

5. เลือกตั้งใหม่ปลายปี 2560 แต่ล่าสุดมีชัย บอกแล้วว่าอาจจะได้เลือกตั้งต้นปีจนเกือบกลางปี 2561 แปลว่า คสช. อยู่ต่อแทบจะครบวาระ จนเกือบเท่ารัฐบาลปกติ 4 ปี

6. สนช. สปท. และกลุ่มสนับสนุน คสช. จะได้รับการจัดวางเป็น ส.ว.ลากตั้ง 250 คน มีวาระ 5 ปีเต็ม แถมคำถามพ่วงผ่าน แปลว่า ส.ว.ลากตั้ง สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ แน่นอนว่า คสช. ตั้ง เขาต้องตอบแทนคนตั้ง แปลความง่ายๆ 5 ปี หลังจากรัฐธรรมนูญนี้ประกาศใช้ นายกรัฐมนตรี 1-2 คน ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง แต่จะถูกเลือกโดย คสช.

7. สิทธิเรียนฟรี ม.ปลาย , สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) , สิทธิคนพิการ ฯลฯ ไปลุ้นเอาว่าดาบหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เห็นข่าวว่ารัฐมนตรีสาธารณสุขประกาศทันทีว่าประชาชนอย่ากลัวระบบ "ร่วมจ่าย" แปลความคือบัตรทองอาจจะปลิว

8. ขอแสดงความยินดีกับคนไทย 68 ล้านคน ที่เราจะมีทหารคอยกำกับการเมืองไทยไปอีกอย่างน้อย 20 ปี เลือกตั้งหลังจากนี้ไม่มีผล เพราะพรรคใหญ่ 2 พรรค ก็แพ้พรรค ส.ว. 250 คน ของ คสช.

9. ยินดีต้อนรับสู่ "เกาหลีเหนือ สาขา 2" และ "ย้อนเวลาไปสู่พม่าเมื่อ 20 ปีก่อน" และเราจะได้เป็นเห็บหมาของอาเซียนและของโลก โดยสมบูรณ์

ลาก่อน "ประชาธิปไตย"

@ หยุดดัดจริตประเทศไทย
7 สิงหาคม 2559

มองแง่ดี แง่ร้าย ต่อผลประชามติ โดย ใบตองแห้ง

อันนี้ของใบตองแห้ง:

มองโลกแง่ดี

1.ประชามติครั้งนี้ แมลงสาบตายเป็นเบือ (ใครอย่าว่ามันไม่เอาจริงนะครับ เพราะนี่เท่ากับชวน-อภิสิทธิ์ เสียเครดิต) = คนที่เลือก ปชป.ด้วยเหตุผลประชาธิปไตย เอาเข้าจริง ไม่มีเลย มีแต่เลือกเพราะเกลียดทักกี้ ซึ่งตอนนี้เทคะแนนให้ลุงตู่หมดแล้ว

2.ฝ่ายไม่รับ ยังมีเกือบ 10 ล้านเสียงเท่าปี 50 ในสถานการณ์ที่ถูกปิดกั้น ห้ามรณรงค์ บล็อกอดีต ส.ส. หัวคะแนน แกนนำเสื้อแดง นี่คือฐานมวลชนที่แข็งแกร่ง (ซึ่งแสดงว่าไม่เกี่ยวกับระบบหัวคะแนน หรือกลไก ส.ส.เลย)

+ Note ไว้ด้วย นอกจากภาคอีสาน ภาคเหนือตอนบน พี่น้อง 3 จังหวัดใต้ Vote No ชนะขาดยิ่งกว่าฐานเสื้อแดงบางจังหวัด ฉะนั้นมวลชนเสื้อแดงทั้งหลาย เลิกทัศนะชาตินิยม เลิกเกลียด "โจรใต้" ได้แล้วครับ เรามีจุดร่วมกันได้บนพื้นฐานอุดมการณ์ประชาธิปไตย

มองโลกแง่ร้าย

1.อะไรที่เราประเมินผิด ทัศนคติหยวนยอมแบบไทยๆ กลัวไม่สงบ กลัววุ่นวาย กลัวอนาคตที่มองไม่เห็น อยากทำมาหากิน เลือกที่จะรับ เพื่อมีเลือกตั้งใน 1 ปี ดีกว่าไม่รับแล้วไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร

ผมเชื่อว่านี่เป็นกระแสหลักของการตัดสินใจรับ ไม่ใช่กระแสสลิ่ม ไม่ใช่ความเบื่อนักการเมือง ซึ่งนั่นอาจจะเป็นกับคนชั้นกลางในเมืองเยอะกว่า (ความเบื่อนักการเมือง=ความกลัววุ่นวายด้วย ไม่ใช่ความเกลียดนักการเมืองอย่างเดียว) รองลงมา ก็เป็นผลของการสร้างกระแสให้ประชาชนเข้าใจผิดว่ารับๆ เหอะ แล้วจะได้เลือกตั้ง ทหารจะไป แล้วเศรษฐกิจจะดี (ในพื้นที่อีสาน+เหนือตอนบน จึงมี % ชนะน้อยกว่าปี 50)

กระแสกลัวความไม่สงบนี้เป็นที่น่าหนักใจ มันเป็นเรื่องเศร้าของสังคมไทยที่ขาดลักษณะต่อสู้ สังคมไทยมักหยวนยอม มองปัญหาเฉพาะหน้า มากกว่าหลักการ (ครั้งนี้ยอมกระทั่งเสียหลักการให้ ส.ว.แต่งตั้งเลือกนายกฯ) คนไทยเป็นปฏิบัตินิยมนะครับ คนจำนวนมากไม่คิดแบบเราว่า รธน.นี้แก้ไม่ได้ เขาเชื่อว่าเดี๋ยวก็ว่ากันไปตามสถานการณ์ ขอให้ทำมาหากินได้แล้วกัน

ผมบอกคุณปลื้มตอนออกรายการ Voice ตะกี้ว่า คุณเชื่อไหม ผมเชื่อ คนที่ไปใช้สิทธิ 20 ล้านเสียง เมื่อวันที่ 2 ก.พ.57 น่าจะมีจำนวนไม่น้อยที่ Vote Yes เพราะเหตุผลเดียวกันคือกลัวไม่สงบ

2.ความเข้มแข็งของกลไกรัฐ ที่พร้อมเพรียง เข้มแข็งกว่าปี 50 อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่านี่คือยุคที่รัฐราชการพึงพอใจ ภาคภูมิใจ พวกเขาใช้กลไกจูงใจประชาชนได้ผล โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อว่ารับแล้วจะได้เดินไปข้างหน้า (คือสรุปแล้วไม่ใช่เชื่อเนื้อหาร่าง รธน.หรอก ไม่ใช่เชื่อว่าดูตั้งแต่ท้องแม่จนแก่เฒ่า)

มองภาพรวม

1.มันเป็นเรื่องเศร้าที่วิถีประชาธิปไตยยิ่งคดเคี้ยว และอาจต้องผ่านการสูญเสีย เมื่อมองไปข้างหน้า มันน่าหดหู่ยิ่งกว่าเมื่อคิดว่าอุปสรรคสำคัญของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในสังคมไทย ไม่ใช่ฝ่ายขวา ไม่ใช่พวกเผด็จการสุดโต่ง แต่คือวัฒนธรรม Soft Culture วัฒนธรรมอ่อนละมุนแบบที่ อ.โกร่งเขียนลงมติชนล่าสุด ผมเรียกว่าความหยวนยอมไม่เอาหลักการแบบไทยๆ ซึ่งหยวนยอมให้เกิดการเข่นฆ่ามามากมายในประเทศนี้ ตั้งแต่ 14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภา 35 พฤษภา 53 ทั้งที่รู้ว่าผิด หรือพอประวัติศาสตร์ผ่านไป สัก 10-20 ปี ก็จะยอมรับว่าผิด แต่ไม่เคยสรุปบทเรียน ไม่เคยแสวงหาความยุติธรรม แต่เลือกเอาอะไรที่หยวนยอมอยู่ไปด้วยกันได้ก็พอ ฉะนั้น คนที่ต่อสู้ก็จะตายฟรี อันนี้ไม่จำกัดเสื้อสีนะ แม้แต่ที่พวก กปปส.ร้องแรกแหกปาก เอาเข้าจริง ก็ตายฟรีหมดละ มันแทบไม่สร้างคุณค่าอะไรเลย คนไทยส่วนใหญ่ยังยินดีจะยอมรับความอยุติธรรม การได้อำนาจการใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรม เพียงเพื่อตัวเองได้ทำมาหากิน

อันนี้ก็เป็นบทเรียน ว่าในการต่อสู้ไปข้างหน้า ซึ่งเสี่ยงจะเกิดการสูญเสีย เราต้องหลีกเลี่ยงการสูญเสีย นักต่อสู้ในวันนี้ น้องๆ หลานๆ ต้องผ่อนตามสถานการณ์ รอให้คนเห็นปัญหา รอให้คนเดือดร้อน ค่อยว่ากันทีละประเด็นๆ

2.อย่างไรก็ดี สำหรับผม หรือคนรุ่นผม ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอกหักผิดหวังครั้งใหญ่อะไรหรอกนะครับ เคยแพ้มาเยอะกว่านี้แล้ว มองกลับไป ในสถานการณ์เช่นนี้เรามีมวลชนเหนียวแน่นตั้งเกือบ 10 ล้าน ต่อสู้กันมาตั้ง 40 ปี ไม่เคยมีขนาดนี้มาก่อน ในเชิงคุณภาพ ผมว่าคน 10 ล้านนี้เหนียวแน่นยิ่งกว่าปี 50 ในขณะที่คน 16 ล้าน มีไม่น้อยที่โอนเอนไปมา (ยังไม่นับคนไม่ได้กลับภูมิลำเนาไป Vote ซึ่งผมคาดไว้ก่อนนี้แล้วว่ามีเป็นล้าน)

เรายังต่อสู้ต่อไปได้ โดยผ่อนตามสถานการณ์ แล้วให้สังคมเห็นว่าเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญจะสร้างปัญหาอะไรบ้าง อันดับแรก คนหวังเลือกตั้งใน 1 ปี แต่มีชัยก็แพลมแล้วว่าอาจไปถึงต้นปี 61 อันดับต่อมา การแก้รัฐธรรมนูญให้สอดคล้องคำถามพ่วง การร่างกฎหมายลูก ที่สังคมจะเห็นว่ามันหมกเม็ดนี่หว่า ระเบิดเวลามันรออยู่เองด้วยเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญ อย่าห่วงว่าประชาธิปไตยจะแพ้แล้วไม่มีทางกลับมาได้ รธน.50 ยังวางระเบิดเวลาไว้น้อยกว่านี้ รธน.ฉบับนี้มันสร้างความขัดแย้งไม่เฉพาะกับฝ่ายประชาธิปไตยแต่ขัดแย้งหลายฝ่าย เพียงแต่มันอยู่ในสภาพสังคมเคว้งคว้าง ผู้คนกลัวอนาคตที่มองไม่เห็น กลัวความเปลี่ยนแปลง ซึ่งมันก็จะเปลี่ยนแปลงอยู่ดี