ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.

Friday, March 25, 2016

ดร. เพียงดิน รักไทย 26 มีนาคม 2559: เมื่อ "โจรกบฏ" แบ่งทรัพย์ลงตัว ปวงชนไทยเจองานหนักแน่!!

ดร. เพียงดิน รักไทย 26 มีนาคม  2559: เมื่อ "โจรกบฏ" แบ่งทรัพย์ลงตัว ปวงชนไทยเจองานหนักแน่!!

https://youtu.be/lI8Mrj-Noe8

หรือ

https://youtu.be/UomCpw7MdkA

หรือ

https://youtu.be/wxP6tbIcxSA

----------------------

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หรือส่งรายละเอียดและรายงานผลการปฏิบัติงานได้ทางอีเมล์

4everche@gmail.com

----------------------

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

“ผมเกือบเชื่อ เรื่องทักษิณ......"

ผ่านมาทางไลน์

ผมเกือบเชื่อเรื่องคุณทักษิณอยากเป็นประธานาธิบดีแล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งคนที่เผยแพร่ปฏิญญาฟินแลนด์ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 1 ปีฐานหมิ่นประมาทคุณทักษิณ

ผมเกือบเชื่อเรื่องการทำบุญวัดพระแก้วของคุณทักษิณเป็นการหมิ่นเบื้องสูงแล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งอัยการสั่งไม่ฟ้องโดยอ้างรองราชเลขาฯเป็นพยานยืนยันไม่ขัดต่อระเบียบหรือขั้นตอนแต่อย่างไร

ผมเกือบเชื่อเรื่อง กกต.ยุคคุณวาสนา เป็นจำเลยฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งศาลฏีกายกฟ้อง

ผมเกือบเชื่อเรื่อง คุณนพดลลงนามแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาเป็นการขายชาติแล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งศาลฎีกาฯมีมติยกฟ้อง ชี้เป็นการตัดสินใจตามสถานการณ์ ไม่ทำให้ไทยเสียดินแดน

ผมเกือบเชื่อเรื่องกองทุนหมู่บ้าน เป็นนโยบายให้ชาวบ้านซื้อมือถือกับมอเตอร์ไซด์แล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งคุณสมคิดนำนโยบายกองทุนหมู่บ้านมาปัดฝุ่นใช้ใหม่

ผมเกือบเชื่อเรื่องการยุบพรรคไทยรักไทย เพราะกรรมการบริหารพรรคจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้งแล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งมีศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ชี้พยานหลักฐานไม่ชัด

ผมเกือบเชื่อเรื่องการรับจำนำข้าวราคาสูงกว่าตลาด ทำให้ชาติขาดทุนแล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งมีการรับซื้อยางในราคาสูงกว่าตลาดเช่นกัน

ผมเกือบเชื่อเรื่องการสร้างรถไฟความเร็วสูง ควรรอให้ถนนดินลูกรังเสร็จทั้งประเทศก่อนแล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งมีแผนทำรถไฟแม้จะเป็นแค่รถไฟความเร็วปานกลางก็เถอะ

ผมเกือบเชื่อเรื่องสองนปช.เผาเซ็นทรัลเวิร์ลด์แล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง โดยชี้พยานหลักฐานไม่พอ

ผมเกือบเชื่อเรื่องสามนปช.ยิงฮ.ทหารแล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ส่วนศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ

ผมเกือบเชื่อเรื่องคุณสุเทพบอกให้ทหารใช้กระสุนปลอมระหว่างขอคืนพื้นที่แล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งคุณอภิสิทธ์ให้สัมภาษณ์สื่อนอกเป็นคนอนุญาตให้ใช้กระสุนจริง

ผมเกือบเชื่อเรื่องการตายของคนเสื้อแดงเกิดจากการฆ่ากันเองแล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งศาลวินิจฉัยอย่างน้อยสิบกว่าศพตายจากกระสุนที่มาจากฝ่ายเจ้าหน้าที่

ผมเกือบเชื่อเรื่องผังล้มเจ้าเป็นเรื่องจริงแล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งคุณสรรเสริญสารภาพกลางศาลว่าผังลัมเจ้านั้นเป็นแค่ความเชื่อของศอฉ.ในขณะนั้นเอง

ผมเกือบเชื่อเรื่องมีแต่นักการเมืองที่เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องแล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งเห็นเหล่านักลากตั้งทั้งหลายก็ล้วนแต่เอื้อประโยชน์ให้ญาติสนิทมิตรสหายไม่ต่างกัน

ผมเกือบเชื่อเรื่องมีแต่นักการเมืองเท่านั้นที่โกงประเทศชาติแล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งเห็นส่วนต่างของราคาจากการจัดซื้อจัดจ้างของพวกที่ไม่ใช่นักการเมือง

ผมเกือบเชื่อเรื่องพรรคใหญ่พามวลชนสู่ท้องถนน เพราะต้องการปฏิรูปประเทศแล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งเห็นพลพรรคออกมาคัดค้าน ต่อต้าน แนะนำ เมื่อเห็นรัฐธรรมนูญไม่ได้เอื้อตัวเองดังใจ

ผมเกือบเชื่อเรื่องคนดีต้องการให้แสดงจริยธรรมก่อนกฎหมายลงโทษแล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งผมเห็น กกต.ยุติสอบคุณสมบัติของคุณอภิสิทธิ์ โดยอ้างคดียังไม่ถึงที่สุด

และสุดท้ายผมเกือบเชื่อเรื่องรัฐธรรมนูญของคุณมีชัยมีไว้ปราบโกงแล้วไหมล่ะ
จนกระทั่งคุณมีชัยออกมาพูดเรื่องการใช้เอกสารปลอม ไม่ว่าจะต้องการหนีทหารหรือรับเงินเดือนจากการใช้เอกสารเท็จ ไม่ใช่การทุจริต จึงไม่ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญของคุณมีชัย

ตัดวงจรทางการเมือง โดย วีรพงษ์ รามางกูร

ตัดวงจรทางการเมือง
-
March 25, 2016 by Woodside New York

" เหตุการณ์ชุมนุมกันข้างถนน ความรุนแรงระหว่างประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เกิดขึ้นเพราะกองทัพไม่ทำหน้าที่ของตนที่ถูกต้อง หรือไม่ก็เป็นฝ่ายที่อยู่เบื้องหลังเสียเอง เพราะกองทัพตั้งตนเป็น "อิสระ" จากรัฐบาลและคอยหาโอกาสเข้ามาเป็นรัฐบาลเสียเอง "

โดย วีรพงษ์ รามางกูร
มติชนออนไลน์
24 มี.ค. 59


จากเหตุผลทางประวัติศาสตร์และโครงสร้างอำนาจทางการเมือง บวกกับความคิดที่ไม่สอดคล้องกับยุคสมัยของโลก หลายสิ่งได้เปลี่ยนไป วันข้างหน้าเป็นยุคของคนรุ่นใหม่ซึ่งได้รับการศึกษา ได้รับการเรียนรู้ สื่อสารมวลชนที่เข้าถึงคนทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ทุกสถานที่อย่างทั่วถึง ระบบสื่อสารที่รวดเร็วฉับไวและราคาถูก ทำให้ไม่มีพื้นที่ใดเป็นชนบทอีกต่อไป การเข้าออกโยกย้ายถิ่นฐานทำได้ง่ายขึ้น ทำให้ความต้องการของคนส่วนใหญ่หรือที่เรียกกันว่า "คนชั้นรากหญ้า" หรือ "grass root people" มีความสามารถเพิ่มขึ้นจากเรื่องเศรษฐกิจที่เดิมเป็นเรื่องรูปธรรม นำไปสู่สิ่งที่เป็น "นามธรรม" เช่น สิทธิเสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ การมีส่วนร่วมทางการเมือง

-
สิ่งที่เป็นนามธรรมเหล่านี้ คนชั้นสูงที่อยู่ในกรุงเทพฯไม่ตระหนัก คิดแต่เพียงว่าคนรากหญ้าพวกนี้ไม่มีสติปัญญาที่จะเลือกผู้ปกครองของตนเองได้ คอยแต่จะ "ขายเสียง" เท่านั้น จึงเป็นโอกาสให้นายทุนพรรคการเมืองสามารถใช้เงินซื้อเสียงเข้ามาเป็นรัฐบาล ถอนทุนคืน บ้านเมืองเสียหาย ยิ่งไปกว่านั้นหลายคนเชื่อว่าพวกตนเท่านั้นที่ "จงรักภักดี" ผู้ที่เห็นต่างเป็นพวกที่ไม่จงรักภักดี เท่ากับเป็นการผลักให้ "คนรากหญ้า" ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ถูกกีดกันออกจากการมีส่วนร่วมในการกำหนดชะตากรรมของบ้านเมืองโดยสันติวิธี ซึ่งเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวง เพราะการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคโลกาภิวัตน์ ถ้าไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยวิธีที่สันติ การเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้นโดยผ่านความรุนแรง

-
การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงนั้นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีเหตุผล คาดเดาไม่ได้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงด้วยอารมณ์และ ไม่ใช้เหตุผล มักจะเปลี่ยนแปลงแบบสุดโต่งซึ่งไม่เป็นผลดีกับใครเลย

-
การยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อหวนไปสู่รัฐบาลและการเมือง "แบบประชาธิปไตยครึ่งใบ" ตามรัฐธรรมนูญปี 2521 เป็นความปรารถนาที่เป็นไปได้ยากเสียแล้ว เพราะเวลาที่ผ่านมากว่า 35 ปี ผู้คนก็เป็นคนละรุ่นแล้ว ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นหลักของบ้านเมืองก็จากไป หรือไม่ก็มีความอาวุโสมากเกินกว่าจะติดตามความคิดของคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยมี โอกาสจะแสดงออกทางการเมืองตามธรรมชาติได้

-
การที่จะต้องมีระบบการเมืองเปิด วาทกรรมที่ว่าถ้าเปิดแล้วก็จะเกิดการแตกแยก เอาชนะคะคานโดยใช้ความรุนแรงเข้าห้ำหั่นกันนั้น เป็นสมมุติฐานที่ไม่เป็นความจริง เหตุการณ์ชุมนุมกันข้างถนน ความรุนแรงระหว่างประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เกิดขึ้นเพราะกองทัพไม่ทำหน้าที่ของตนที่ถูกต้อง หรือไม่ก็เป็นฝ่ายที่อยู่เบื้องหลังเสียเอง เพราะกองทัพตั้งตนเป็น "อิสระ" จากรัฐบาลและคอยหาโอกาสเข้ามาเป็นรัฐบาลเสียเอง

-
ถ้าจะให้มีการเริ่มต้น สิ่งแรกคือผู้นำกองทัพต้องมีจิตใจเป็นนักประชาธิปไตย มีอุดมการณ์ที่จะเป็นผู้พิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งแม้ไม่ใช่ทั้งหมดของประชาธิปไตย แต่ก็เป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย การปฏิเสธระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยอ้างวาทกรรมดังกล่าว จึงเป็นการก้าวล่วงของผู้ที่ได้ประโยชน์จากระบอบเผด็จการทหาร หรือเสียประโยชน์จากระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย หรือมีความรู้สึกทาง "ชนชั้น" อย่างรุนแรง เพราะทนไม่ได้กับกิริยามารยาท ทัศนคติ ความไม่โปร่งใส ของนักการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่สิ่งเหล่านี้ตนมองไม่เห็นจากรัฐบาลทหาร ที่ตนคิดว่ามาจากชนชั้นเดียวกัน

-
กลับไปสู่ฐานะที่ควรจะเป็น "กองทัพ" ในระบอบประชาธิปไตยทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตย เอกราช บูรณภาพของดินแดนของประเทศ ในกรณีพิเศษก็ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมาย ปกป้องคุ้มครองภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือความสงบเรียบร้อย เมื่อได้รับการร้องขอจากรัฐบาล เมื่อมีการประกาศภาวะฉุกเฉินและเกินกำลังของพนักงานตำรวจ
ข้ออ้างมาตรฐานที่ใช้สร้างกระแสปูทางไปสู่การปฏิวัติรัฐบาล 3 ข้อ คือ รัฐบาลปล่อยให้มีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพก็ดี, รัฐบาลปล่อยให้มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง, รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ปล่อยให้มีโจรผู้ร้ายชุกชุม ไม่สามารถรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินได้ ก็ควรเป็นเรื่องของรัฐบาลในขณะนั้นที่จะต้องดูแลป้องกันภัยพิบัติ เป็นภาระหน้าที่ของพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่เป็นฝ่ายตรงข้ามได้เสนอทางเลือก ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง หรือยิ่งไปกว่านั้นก็เสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ให้มีการยุบสภา ให้มีการเลือกตั้งใหม่

-
การถูกตรวจสอบจะเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนให้ความสนใจ เอาใจใส่ผู้แทนของตนว่าได้ทำหน้าที่สมกับที่ได้รับมอบหมายหรือไม่
ในพื้นที่ต่างจังหวัดอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น การมีผู้แทนราษฎรเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเป็นการถ่วงดุลข้าราชการประจำจังหวัดของตน เป็นผู้ที่ผลักดันให้มีโครงการพัฒนาในจังหวัด เป็นปากเสียงให้ประชาชนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมในท้องถิ่น แต่บางครั้งก็มักจะได้ยินว่ากระทำผิดฐาน "ผู้มีอิทธิพล" ทำการค้ายาเสพติดและของหนีภาษี หรือการค้ามนุษย์ ซึ่งเกินกำลังของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ก็ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ส่วนกลาง กองทัพในประเทศกำลังพัฒนาอาจจะช่วยเสริมกำลังของเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาเป็นรัฐบาลเสียเอง

-
จุดอ่อนและข้อบกพร่องต่างๆ ของระบอบการปกครองประชาธิปไตยที่เราประสบนั้น ประเทศที่ประชาธิปไตยหยั่งรากลึกก็ต้องผ่านประสบการณ์ดังกล่าวมาทั้งสิ้น สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ในที่สุดประชาชนก็สามารถควบคุมราชการและนักการเมืองของเขาได้

-
คนไทยได้รับการศึกษาไม่น้อยกว่าคนอินเดีย ไม่น้อยกว่าคนปากีสถาน ไม่น้อยกว่าคนฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย รายได้ต่อหัวก็สูงกว่าประเทศเหล่านั้น ปัญหาทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงก็มีกันอยู่ทุกประเทศ ไม่เว้นแม้แต่มาเลเซียและสิงคโปร์ จนอาจจะถือได้ว่าเป็นวัฒนธรรมที่น่ารังเกียจของเอเชีย ที่มีเหตุผลมาจากประวัติศาสตร์ ที่มีผีสาง เทวดา นางไม้ เจ้าป่าเจ้าเขา แม้แต่พระพุทธรูป ผู้คนก็ยังอุตส่าห์ไปติดสินบน ขอโชคขอลาภ ซึ่งไม่มีในสังคมตะวันตก เราได้ผ่านขั้นตอนของ "ประชาธิปไตยครึ่งใบ" ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดีในช่วง พ.ศ.2521-2535 แต่ต่อมาหลังจากนั้น มาสะดุดหยุดลงเมื่อมีการรัฐประหารปี 2549 ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะกลับย้อนไปสู่การเมืองปี 2521 อีก ถึงแม้จะพยายามกลับไปก็จะทำไม่ได้ จะเกิดเหตุการณ์อย่างที่เราเรียกกันติดปากว่า "พฤษภาทมิฬ" อีก

-
หากจะนำเอารัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งนับว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มีความชอบธรรมที่สุดในบรรดารัฐธรรมนูญทั้งหมด 20 ฉบับ บทบัญญัติจะดีไม่ดีก็แก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติมได้ เพราะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับเดียวที่ร่างโดยผู้แทนฯของประชาชนชาวไทย

-
การตั้งเป้าหมายกีดกันพรรคการเมืองที่ได้รับเสียงจากประชาชนส่วนใหญ่เป็น สิ่งที่ทำได้ยาก เป็นสิ่งที่อธิบายได้ยาก แม้จะพยายามอธิบายก็ไม่มีใครฟัง ไม่มีทางได้เสียงสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
การตัดวงจร "ปฏิวัติรัฐประหาร-เลือกตั้งประชาธิปไตย" ที่วนเวียนเป็นวัฏจักรนี้ สามารถทำได้โดยการนำรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 แก้ไขเพิ่มเติม 2559 มาใช้ได้ทันที การดึงรั้งถ่วงการคืนอำนาจให้ประชาชนในยุคนี้ ย่อมเป็นการเสี่ยงต่อการที่จะเกิดความเสียหาย ความสูญเสีย ไม่ช้าก็เร็ว
-
จะหยิบรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาใช้หากร่างฉบับปัจจุบันไม่ผ่านประชามติ ก็จะเป็นเรื่องที่จะไปกันใหญ่ ความชอบธรรมจะหมดไปในทันที
ประชาชนจะถามหาผู้รับผิดชอบ



ผมเกือบเชื่อเรื่อง......แล้วไหมล่ะ

-ผมเกือบเชื่อเรื่องคุณทักษิณอยากเป็นประธานาธิบดีแล้วไหมล่ะ

จนกระทั่งคนที่เผยแพร่ปฏิญญาฟินแลนด์ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 1 ปีฐานหมิ่นประมาทคุณทักษิณ

-ผมเกือบเชื่อเรื่องการทำบุญวัดพระแก้วของคุณทักษิณเป็นการหมิ่นเบื้องสูงแล้วไหมล่ะ

จนกระทั่งอัยการสั่งไม่ฟ้องโดยอ้างรองราชเลขาฯเป็นพยานยืนยันไม่ขัดต่อระเบียบหรือขั้นตอนแต่อย่างไร

-ผมเกือบเชื่อเรื่อง กกต.ยุคคุณวาสนา เป็นจำเลยฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแล้วไหมล่ะ

จนกระทั่งศาลฏีกายกฟ้อง ผมเกือบเชื่อเรื่อง คุณนพดลลงนามแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาเป็นการขายชาติแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งศาลฎีกาฯมีมติยกฟ้อง ชี้เป็นการตัดสินใจตามสถานการณ์ ไม่ทำให้ไทยเสียดินแดน

-ผมเกือบเชื่อเรื่องกองทุนหมู่บ้าน เป็นนโยบายให้ชาวบ้านซื้อมือถือกับมอเตอร์ไซด์แล้วไหมล่ะ

จนกระทั่งคุณสมคิดนำนโยบายกองทุนหมู่บ้านมาปัดฝุ่นใช้ใหม่

-ผมเกือบเชื่อเรื่องการยุบพรรคไทยรักไทย เพราะกรรมการบริหารพรรคจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้งแล้วไหมล่ะ

จนกระทั่งมีศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ชี้พยานหลักฐานไม่ชัด

-ผมเกือบเชื่อเรื่องการรับจำนำข้าวราคาสูงกว่าตลาด ทำให้ชาติขาดทุนแล้วไหมล่ะ

จนกระทั่งมีการรับซื้อยางในราคาสูงกว่าตลาดเช่นกัน

-ผมเกือบเชื่อเรื่องการสร้างรถไฟความเร็วสูง ควรรอให้ถนนดินลูกรังเสร็จทั้งประเทศก่อนแล้วไหมล่ะ

จนกระทั่งมีแผนทำรถไฟแม้จะเป็นแค่รถไฟความเร็วปานกลางก็เถอะ

-ผมเกือบเชื่อเรื่องสองนปช.ฌาปนกิจเซ็นทรัลเวิร์ลด์แล้วไหมล่ะ

จนกระทั่งศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง โดยชี้พยานหลักฐานไม่พอ

-ผมเกือบเชื่อเรื่องสามนปช.ยิงฮ.ทหารแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ส่วนศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ

-ผมเกือบเชื่อเรื่องคุณสุเทพบอกให้ทหารใช้กระสุนปลอมระหว่างขอคืนพื้นที่แล้วไหมล่ะ

จนกระทั่งคุณอภิสิทธ์ให้สัมภาษณ์สื่อนอกเป็นคนอนุญาตให้ใช้กระสุนจริง ผมเกือบเชื่อเรื่องการตายของคนเสื้อแดงเกิดจากการฆ่ากันเองแล้วไหมล่ะ จนกระทั่งศาลวินิจฉัยอย่างน้อยสิบกว่าศพตายจากกระสุนที่มาจากฝ่ายเจ้าหน้าที่

-ผมเกือบเชื่อเรื่องผังล้มเจ้าเป็นเรื่องจริงแล้วไหมล่ะ

จนกระทั่งคุณสรรเสริญสารภาพกลางศาลว่าผังลัมเจ้านั้นเป็นแค่ความเชื่อของศอฉ.ในขณะนั้นเอง

-ผมเกือบเชื่อเรื่องมีแต่นักการเมืองที่เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องแล้วไหมล่ะ

จนกระทั่งเห็นเหล่านักลากตั้งทั้งหลายก็ล้วนแต่เอื้อประโยชน์ให้ญาติสนิทมิตรสหายไม่ต่างกัน

-ผมเกือบเชื่อเรื่องมีแต่นักการเมืองเท่านั้นที่โกงประเทศชาติแล้วไหมล่ะ

จนกระทั่งเห็นส่วนต่างของราคาจากการจัดซื้อจัดจ้างของพวกที่ไม่ใช่นักการเมือง

-ผมเกือบเชื่อเรื่องพรรคใหญ่พามวลชนสู่ท้องถนน เพราะต้องการปฏิรูปประเทศแล้วไหมล่ะ

จนกระทั่งเห็นพลพรรคออกมาคัดค้าน ต่อต้าน แนะนำ เมื่อเห็นรัฐธรรมนูญไม่ได้เอื้อตัวเองดังใจ

-ผมเกือบเชื่อเรื่องคนดีต้องการให้แสดงจริยธรรมก่อนกฎหมายลงโทษแล้วไหมล่ะ

จนกระทั่งผมเห็น กกต.ยุติสอบคุณสมบัติของคุณอภิสิทธิ์ โดยอ้างคดียังไม่ถึงที่สุด

-และสุดท้ายผมเกือบเชื่อเรื่องรัฐธรรมนูญของคุณมีชัยมีไว้ปราบโกงแล้วไหมล่ะ

จนกระทั่งคุณมีชัยออกมาพูดเรื่องการใช้เอกสารปลอม ไม่ว่าจะต้องการหนีทหารหรือรับเงินเดือนจากการใช้เอกสารเท็จ ไม่ใช่การทุจริต จึงไม่ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญของคุณมีชัย


*********** ขอขอบคุณ ที่คุณแค่เกือบเชื่อ ***********

ผมลอกเขามาจาก นปชusa แต่ต้องขอบคุณ ผู้เขียนมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ



คนต้องเท่ากับคน 23 มีค 59

คนต้องเท่ากับคน 23 มีค 59  

อย่าให้ชีวิตหมาได้รับการดูแล-ความยุติธรรมดีกว่าชีวิตคน บนแผ่นดินไทย

สุหฤท เตือน อย่าให้ชีวิตหมาได้รับการดูแล-ความยุติธรรมดีกว่าชีวิตคน บนแผ่นดินไทย

-
วันที่ 25 มีนาคม นายสุหฤท สยามวาลา นักธุรกิจและอดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ความเห็นลงในแฟนเพจส่วนตัว ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 5.6 แสนคน กรณีศาลจำคุก 14 เดือน หนุ่มยิงหมาหน้าห้างดังตาย โดยได้ขอโทษสังคม และระบุว่าพร้อมปรับปรุงตัว

-
โดยนายสุหฤท ระบุว่า มีใครรู้สึกเหมือนผมไหมครับ เมืองไทยหมาได้รับการดูแลที่ดี คนทำร้ายได้รับโทษที่ควรจะเป็นอย่างรวดเร็ว หมามันไม่ต้องวิ่งเต้น ไม่ต้องเสียตังค์สักแดง

-
แต่ถ้าเป็นมนุษย์ในเมืองไทย กว่าจะทำอะไรนี่ต้องให้กดดันแล้วกดดันเล่า กราบกราน ขอร้อง ไหว้ผู้ที่เราเสียภาษีเลี้ยงดูเงินเดือนเขาให้ช่วยทำงาน ให้ความกรุณาเราอย่างถึงที่สุด กราบกรานเพื่อให้เขามอบความยุติธรรมตามกฏหมาย หรือว่าคนร่างกฏหมายเรารักหมามากๆ ที่ทำให้คนทำผิดไม่มีรอลงอาญา ติดคุกทันทีสองเคสด้วยกัน รับกรรมทันที พ่อแม่หมาที่เสียชีวิตไม่ต้องร้องไห้ ทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส ร้องขอความเป็นธรรมให้กับมนุษย์ที่เป็นลูกเป็นสายเลือดของตนเอง

-
ให้โทษกับผู้ที่ทำร้ายหมาเป็นเรื่องดี การดูแลชีวิตมนุษย์ที่เขาต้องเสียชีวิตยิ่งต้องทำอย่างที่สุดให้เหนือชีวิตหมา อย่าให้ชีวิตหมาได้รับการดูแลดีกว่าชีวิตมนุษย์……….ที่ประเทศไทย


-



สื่อด้วย ภาพ

สื่อด้วย ภาพ