ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.

Tuesday, January 19, 2016

ใครที่คิดจะไปเที่ยวลาว ควรระวัง

ใครที่คิดจะไปเที่ยวลาว ควรระวัง วันก่อนมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในลาว ผ่านด่านช่องเม็ก ขาไปผ่านด่านของลาวเข้าไปแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่สนใจที่จะเรียกดู หรือปั๊มพาสปอร์ตให้ ทำให้คนที่เข้าไป เข้าใจว่าคงไม่ต้องปั้มพาสปอร์ตปรากฏว่าขากลับ โดนจับปรับคนละ 4.000 บาท ข้อหาแอบหนีเข้าเมือง เพราะไม่มีตราปั้มเข้าในพาสปอร์ต กลุ่มเพื่อนผมเข้าไปกัน5คน โดนปรับ5คน2หมื่น สุดท้ายต่อรองเหลือห้าคนรวม10.000บาท หวานคอเจ้าหน้าที่ด่านของลาวไปตามตามกัน เห็นบอกว่าโดนกันเยอะมาก บางคนยื่นพาสปอร์ตให้เขา เขาแค่มองแต่ไม่ปั้มตราให้ ขาออกโดนกันเป็นแถว 
ระวังจะเป็นหมูไทย วิ่งไปชนปังตอลาวเข้าให้ 5555

ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ ตอน ยิ่งรักษาระบอบราชาฯไว้ ยิ่งเสี่ยงต่อสงครามกลางเมือง

ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ ตอน ยิ่งรักษาระบอบราชาฯไว้ ยิ่งเสี่ยงต่อสงครามกลางเมือง http://www.mediafire.com/listen/0s8400082vsg9ri/chupong-usa2016-1-20.mp3 ตอนที่ 1 ดาว์โหลดเพื่อก่าเผยแพร่
https://www.youtube.com/watch?v=UY_4-XEZ0kg&feature=youtu.be

@อย่าก่อสังฆเภท@

ใครสนใจเรื่อง ประวัติโดยสังเขปของความเป็นมาของสงฆ์ 2 นิกายในไทย
ก็อ่านดูนะ เป็นความรู้

@อย่าก่อสังฆเภท@

_____>>คณะสงฆ์เถรวาทในประเทศไทยแต่เดิมเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวกัน  ต่อมาในยุคต้นรัตนโกสินทร์เมื่อได้เกิด "ธรรมยุติกนิกาย" ขึ้นแยกจากคณะสงฆ์เดิม  คณะสงฆ์ไทยแต่เดิมจึงเรียกว่า  "มหานิกาย"

>>ในประเทศศรีลังกาและกัมพูชามีคณะสงฆ์เถรวาทหลายนิกาย  แต่ละนิกายก็มีพระสังฆราชของตนเองปกครอง  เป็นไปตามหลักพระธรรมวินัยที่พระภิกษุนานาสังวาสจะไม่ทำสังฆกรรมร่วมกัน  แต่ในประเทศไทยคงปกครองร่วมกันเพื่อความสามัคคี  

<< ปัจจุบัน >>
  คณะสงฆ์มหานิกายมีวัด  31,890  แห่ง  พระภิกษุ  256,826  รูป
  คณะสงฆ์ธรรมยุติ  มีวัด  1,987  แห่ง พระภิกษุ  33,189  รูป
  โดยเฉลี่ยสัดส่วนของวัดและพระภิกษุของมหานิกายต่อธรรมยุติประมาณ  10:1  

>>เนื่องจากคณะสงฆ์ธรรมยุติถือกำเนิดโดยรัชกาลที่  4  จึงมีความใกล้ชิดกับพระราชวงศ์  และมีสิทธิ์พิเศษหลายอย่าง  เช่น  สมัยที่ยังมีเจ้าคณะภาค  เจ้าคณะจังหวัด  เจ้าคณะอำเภอ   เจ้าคณะตำบล  ตำแหน่งละ  1  รูป  หากเจ้าคณะเหล่านี้เป็นพระภิกษุธรรมยุติจะปกครองวัดมหานิกายในพื้นที่นั้นๆได้  แต่หากเจ้าคณะพื้นที่ใดเป็นพระภิกษุมหานิกาย  ห้ามปกครองวัดธรรมยุติ  ให้ปกครองแต่พระภิกษุและวัดมหานิกายเท่านั้น  ส่วนวัดธรรมยุติจะไปขึ้นตรงกับเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติที่กรุงเทพฯ

>>การถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมนี้สร้างความอึดอัดแก่คณะสงฆ์มหานิกาย แต่ก็กล้ำกลืนฝืนทน  และมาถูกจุดระเบิดขึ้นเมื่อพ.ศ.2494

>> ในขณะนั้น  การปกครองคณะสงฆ์ไทยเป็นไปตามพรบ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2484  ซึ่งกำหนดให้สมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งสังฆนายกคล้ายนายกรัฐมนตรีของสงฆ์  แล้วสังฆนายกแต่งตั้งสังฆมนตรีว่าการองค์การต่างๆ  

>>ในพ.ศ.2494  ตำแหน่งสังฆนายกว่างลง  สมเด็จพระสังฆราช  กรมหลวงวชิรญาณวงศ์  วัดบวรนิเวศวิหาร  แทนที่จะแต่งตั้งสมเด็จปลด  วัดเบญจมบพิตรพระมหาเถระฝ่ายมหานิกาย  ซึ่งมีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์  แต่กลับทรงมีพระบัญชาตั้งพระศาสนโสภณ  ซึ่งเป็นพระธรรมยุติด้วยกันเป็นสังฆนายก

>>พระราชาคณะ  47  รูป  ฝ่ายมหานิกายจึงได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงสมเด็จพระสังฆราช  คัดค้านพระบัญชาดังกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว  ส่งผลให้พระศาสนโสภณลาออกจากตำแหน่งสังฆนายก  และสมเด็จพระสังฆราชได้นิมนต์พระเถระฝ่ายมหานิกายและธรรมยุติประชุมร่วมกัน  ณ  ตำหนักเพชร  วัดบวรนิเวศ  เมื่อวันที่  12  กรกฎาคม  พ.ศ.2494  มีข้อตกลงร่วมกันคือ
__1. การปกครองส่วนกลาง  คงบริหารร่วมกัน  แต่การปกครองบังคับบัญชาให้เป็นไปตามนิกาย
__2.การปกครองส่วนภูมิภาคให้แยกไปตามนิกาย

>>ข้อตกลงนี้เรียกว่า  __"ข้อตกลงตำหนักเพชร 2494"__ ซึ่งรัฐบาลได้รับรองอย่างเป็นทางการด้วย

>>ผลจาก__ข้อตกลงตำหนักเพชร__ทำให้มีตำแหน่งเจ้าคณะภาค  เจ้าคณะจังหวัด  เจ้าคณะอำเภอ  เจ้าคณะตำบล  ตำแหน่งละ  2  รูป  เป็นของพระภิกษุมหานิกายและธรรมยุต แยกขาดจากกัน
จากนั้นสมเด็จพระสังฆราช  ก็ได้มีพระบัญชาแต่งตั้งสมเด็จปลด วัดเบญจมบพิตร  เป็นสังฆนายก
 
>>ปัจจุบันการปกครองคณะสงฆ์ตาม พรบ.คณะสงฆ์  2505  แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 กำหนดให้มหาเถรสมาคมเป็นองค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์  มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานกรรมการ   และมีกรรมการมหาเถรสมาคมฝ่ายมหานิกายและธรรมยุต  ฝ่ายละ 10 รูป  รวมเป็น 21 รูป

>>คณะสงฆ์มหานิกายมีมากกว่าคณะสงฆ์ธรรมยุติถึง 8:1 การกำหนดให้มีจำนวนกรรมการมหาเถรสมาคมเท่ากัน  ไม่ยุติธรรม  แต่คณะสงฆ์มหานิกายก็ยอมรับ  เพราะเห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของคณะสงฆ์และชาติบ้านเมือง

>>เมื่อดูการดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช  ก็พบว่า  ตั้งแต่ พ.ศ.2453 ถึงปัจจุบัน  มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุติรวมระยะเวลา  89 ปี เป็นพระภิกษุฝ่ายมหานิกายรวมระยะเวลา 14 ปี

>>เมื่อพระมหาเถระฝ่ายธรรมยุติได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชอย่างยาวนาน  คณะสงฆ์มหานิกายก็ไม่เคยคัดค้าน

>> แต่บัดนี้เมื่อสมเด็จพระญาณสังวรฯสมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์  ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง  มหาเถรสมาคมได้มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559   เสนอนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์  วัดปากน้ำ  ภาษีเจริญซึ่งเป็นพระมหาเถระฝ่ายมหานิกายและมีอาวุโสสูงสุดทั้งโดยสมณศักดิ์และโดยพรรษาในบรรดาสมเด็จฯที่ยังปฏิบัติหน้าที่ได้  เป็นสมเด็จพระสังฆราช 

>>คณะสงฆ์โดยรวมไม่มีปัญหา  สมเด็จพระวันรัต  วัดบวรนิเวศวิหาร  เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติเป็นผู้เสนอนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ต่อที่ประชุมเองด้วยซ้ำไป  กรรมการมหาเถรสมาคม  ทั้งฝ่ายมหานิกายและธรรมยุติมีมติเป็นเอกฉันท์เห็นพ้องต้องกัน   สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เป็นปูชนียะที่คณะสงฆ์มหานิกายทั่วประเทศให้ความเคารพเป็นอย่างสูง  ถ้าทำตามกฎหมายก็ไม่มีปัญหา  แต่ปัญหาเกิดเพราะมีกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีจะตะแบงเอาตามใจตัวเอง  เรื่องการปกครองคณะสงฆ์  ไม่ฟังมติมหาเถรสมาคมแล้วจะฟังใคร 

>>คณะสงฆ์มหานิกายและธรรมยุติกนิกายโดยภาพรวมปัจจุบันก็อยู่ร่วมกันด้วยดี  เอื้อเฟื้อกัน  ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน  แต่ขบวนการชั่วได้หาเรื่องใส่ร้ายโจมตีเจ้าประคุณสมเด็จฯวัดปากน้ำเพื่อ ดิสเครดิตมากมาย  *โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อความสามัคคีของคณะสงฆ์ทั้ง 2 นิกาย*

>>มีคนนำรถเก่าโบราณ 60 ปีก่อนมาถวายสมเด็จฯ  ท่านก็ให้เอาไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์  เพื่อให้ประชาชนที่สนใจมาศึกษาลักษณะรถโบราณ  ท่านไม่ได้เอาไว้เป็นสมบัติส่วนตัว  แต่มีการสร้างวาทกรรมโจมตีว่าท่านครอบครองรถหรูไม่เสียภาษี  รถหรูอะไร  เก่าจนวิ่งออกถนนไม่ได้แล้ว  

>>นอกจากนี้มีกระแสข่าวว่า  จะมีการใช้วิธีทำลายล้างทางการเมืองมาทำลายการคณะสงฆ์  สมคบคิดวางแผนโค่นสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์   โดยให้หน่วยราชการต่างๆหาทางจับผิดกลั่นแกล้งสมเด็จฯวัดปากน้ำ  เพื่อให้เป็นข่าวอึกทึกครึกโครม ดิสเครดิตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชให้มัวหมอง อ้างว่ามีมลทินไม่เหมาะสม  แล้วเสนอตั้งสมเด็จฯฝ่ายธรรมยุติเป็นสมเด็จพระสังฆราชแทน

>> มีพระภิกษุธรรมยุติตัวแทนกลุ่มลูกศิษย์หลวงตามหาบัวออกมาคัดค้านการเสนอนามพระมหาเถระฝ่ายมหานิกายเป็นสมเด็จพระสังฆราช โดยทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี  เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ.2559 รุนแรงหยาบคายถึงขนาดใช้คำว่า  "เอาหมาขี้เรื้อนมาตั้งเป็นสังฆราช  ใครจะไปกราบหมาขี้เรื้อนมันก็รู้อยู่นี่"

**พระพุทธเจ้าไม่เคยทรงสอนให้พระภิกษุรูปใดด่าเรียกพระภิกษุรูปอื่นว่าเป็น__"หมาขี้เรื้อน"

>>การจาบจ้วงหยามเหยียดอย่างรุนแรงของกลุ่มพระธรรมยุติลูกศิษย์หลวงตามหาบัวครั้งนี้  ได้สะกิดให้ไฟแห่งความคับแค้นใจของคณะสงฆ์มหานิกายทั่วประเทศลุกโพลงขึ้นมาอีกครั้ง  คณะสงฆ์มหานิกายทั้งประเทศกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด   หากมีการใช้หน่วยงานราชการไปหาเรื่องจับผิดรังแกสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์   วัดปากน้ำ  ภาษีเจริญ  ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชจริง  ก็เท่ากับเป็นการสาดน้ำมันเข้ากองไฟ   ซึ่งจะทวีดีกรีความร้อนแรงจนอาจจะแผดเผาสังฆมณฑลให้มอดมิดเป็นจุณไปก็ได้  สังคมไทยจะแตกแยกลึกซึ้งจนถึงแก่น  และจะส่งผลกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงต่อทุกสถาบันในสังคมไทย  จนอาจจะไม่เหลือสถาบันใดๆ  ให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวไทยต่อไปอีกเลย

>>คณะสงฆ์กลุ่มลูกศิษย์หลวงตามหาบัว  มีจำนวนราว  5%  ของคณะสงฆ์ธรรมยุติ หรือราว 0.5% ของคณะสงฆ์ทั่วประเทศ  และกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวนี้เป็นเพียงบางส่วนของลูกศิษย์หลวงตามหาบัวเท่านั้น  เป็นกลุ่มที่ถือความเห็นตนเป็นใหญ่  แม้คณะสงฆ์ธรรมยุติเองก็ปกครองไม่ค่อยได้

>>ให้รัฐบาลตัดสินใจว่า  จะเลือกคณะสงฆ์ส่วนรวม 99 % ของประเทศไทยโดยทำหน้าที่ตามกฎหมาย  หรือจะเลือกคณะสงฆ์จำนวนไม่กี่รูปไม่ถึง 1% ของประเทศโดยใช้กฎหมู่  คณะสงฆ์มหานิกายทั่วประเทศจับตาดูอยู่  

>>ขอให้รัฐบาลกำชับหน่วยงานราชการ__**อย่าตกเป็นเครื่องมือของขบวนการชั่วร้าย**__  ที่มุ่งทำลายคณะสงฆ์มหานิกาย  อย่าเล่นกับไฟ หากมีการดำเนินการใดๆไปสู่การนำเสนอแต่งตั้งสมเด็จฯฝ่ายธรรมยุติเป็นสมเด็จพระสังฆราช  โดยไม่เสนอสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์  หรือดองเรื่องถ่วงเวลา   ก็อาจถึงเวลาที่คณะสงฆ์ไทยจะได้กระทำตามพระธรรมวินัย  ตามหลักนานาสังวาส  มีสมเด็จพระสังฆราชของคณะสงฆ์มหานิกายและธรรมยุติแยกขาดจากกัน  ส่วนคณะสงฆ์ลูกศิษย์หลวงตาบัวบางส่วน  จะทำสังฆเภทแยกการปกครองออกจากคณะธรรมยุติกนิกาย  มีสังฆราชของตนเองหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา
18/1/59

For Immediate Release US/ASEAN: Make Rights Central to Summit Obama Should Press Leaders to End Repression and Abuses

For Immediate Release
 
Obama Should Press Leaders to End Repression and Abuses

(Washington, DC, January 19, 2015) – United States President Barack Obama should ensure that human rights are a central focus in the upcoming summit of Southeast Asian leaders in the US, Human Rights Watch said today in a letter to Obama. Obama is scheduled to host the leaders of the 10-country Association of Southeast Asian Nations (ASEAN) on February 15-16, 2016, at the Sunnylands estate in California.

"ASEAN's many authoritarian leaders include people implicated in grievous human rights abuses, war crimes, and coups d'etat that would make them ineligible for US visas if they weren't heads of government," said
John Sifton, Asia advocacy director at Human Rights Watch. "The summit risks empowering and even emboldening ASEAN's abusive leaders unless President Obama emphasizes human rights issues and invites the participation of civil society groups."

Human Rights Watch urged Obama to hold sessions around the summit in which governments hear directly from leaders of civil society, human rights, and environmental groups, as occurred during the August 2014 US-Africa Summit in Washington, DC.

Obama should also communicate to ASEAN governments that they should, ahead of the summit, release significant numbers of political prisoners and drop charges against those facing politically motivated prosecutions – or expect those issues to be raised publicly at the summit.

One of the ASEAN leaders, Prime Minister Hun Sen of Cambodia, has ruled over Cambodia for
more than 30 years, using violence, intimidation, and politically motivated arrests and prosecutions against all perceived opponents, while allowing high-level corruption and cronyism to flourish. He refused to step down after losing an election in 1993, and subsequently carried out a coup in 1997. He is also implicated in possible crimes against humanity committed in the mid-1970s in eastern Cambodia when he was a commander in the Khmer Rouge. The latest election in 2013 was fundamentally flawed and the opposition leader, Sam Rainsy, is now living in exile to avoid arrest in politically motivated cases. Because of his dismal human rights record, it has long been US policy not to offer an official invitation to visit the US to Hun Sen.

Other ASEAN leaders expected to attend include four unelected heads of government.
Thailand's Prime Minister Gen. Prayut Chan-ocha, who took power in a 2014 military coup, has presided over a relentless crackdown on peaceful dissent and assembly. Prime Minister Nguyen Tan Dung of Vietnam and President Choummaly Sayasone of Laos preside over one-party authoritarian states that deny basic freedoms and use censorship, intimidation, and torture to maintain their party's hold on power. The sultan of Brunei, Hassal Bolkiah, one of the world's few remaining hereditary government leaders, has imposed a near complete ban on freedoms of expression, association, and assembly.

The prime minister of
Malaysia, Najib Razak, implicated in a massive corruption scandal, has engaged in a major crackdown on the political opposition, civil society groups, and the media, including imprisoning opposition leader Anwar Ibrahim on trumped-up charges.

"President Obama shouldn't be rewarding abusive leaders with the prestige of a summit in the US," Sifton said. "Inviting to the US people who dismantle democracies or systematically repress their own people sends the wrong message to the world about the US government's respect for basic rights and freedoms."

Human rights issues especially relevant to ASEAN countries include the lack of free and fair elections; excessive restrictions on freedoms of expression, association, and assembly; unnecessary restrictions on civil society groups; abuses against human rights defenders and other activists; women's rights; political use of courts; high-level corruption; lack of protections of refugees and asylum seekers; human trafficking; and the rights of lesbian, gay, bisexual, and transgender (LGBT) people.

"The US government's diplomatic 'rebalance' to Asia could still bring positive change if human rights and democracy are raised to the same level as other US priorities in the region," Sifton said. "Obama should make it publicly clear to ASEAN leaders that he plans to make human rights issues a central part of the summit."

For more information, please contact:
In Washington, DC, Sarah Margon (English): +1-917-361-2098 (mobile); or
margons@hrw.org. Twitter: @sarahmargon
In Washington, DC, John Sifton (English): +1-646-479-2499 (mobile); or siftonj@hrw.org. Twitter: @johnsifton
In Bangkok, Phil Robertson, (English, Thai): +66-85-060-8406 (mobile); or robertp@hrw.org. Twitter: @Reaproy
 

ไฟแดง ปรองดอง

ไฟแดง  ปรองดอง





คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

พลุปรองดองทำท่าจะสวยงามตามท้องเรื่อง เมื่อมีการหยิบเรื่องเก่าขึ้นมารีวิวใหม่ โดยครั้งนี้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น "สร้างสันติสุข" ซึ่งเสนอโดย พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ขันอาสาเป็นหัวหอกผลักดันให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุข มีเป้าหมายคือจับคู่ขัดแย้งทุกสีเสื้อมาเคลียร์ใจให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

หลังจุดพลุขึ้นฟ้า มีการรับลูกกันเป็นทอดๆ ตั้งแต่มือกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่าง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่เดินเครื่องชงเรื่องให้มีการตั้งทีมศึกษาการสร้างความปรองดองให้ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งไม้ต่อให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย นายวิษณุ เครืองาม รับไปศึกษา

ขณะที่ประธาน สนช. อย่าง นายพรเพชร วิชิตชลชัย เตรียมพร้อมตั้ง กมธ. เสริมสร้างสังคมสันติสุข แต่แล้วก็ต้องสะดุดลงตั้งแต่ยังไม่ทันตั้งไข่ เพราะท้ายสุดเรื่องตั้ง กมธ. ศึกษาการเสริมสร้างสังคมสันติสุขก็ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจาก "บิ๊กตู่" ผู้มีอำนาจสูงสุด ส่งสัญญาณเบรกว่ายังไม่ถึงเวลา

งานนี้ทำเอาโปรเจกต์ใหญ่เข้าอีหรอบเดิม คือพับแผนปรองดองเก็บเข้าลิ้นชักอีกรอบ

ขณะที่ขั้วการเมือง คู่ขัดแย้ง ต่างฟันธงกันล่วงหน้าไปแล้วว่าปรองดองไปไม่รอด เพราะเป็นแค่โรงงิ้ว โรงลิเก เป็นเกมปาหี่ซื้อเวลาก็เท่านั้นเอง

ไม่ว่าจะเป็น นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ออกมาเตือนแกนนำเสื้อแดง อย่าอ้างเป็นตัวแทน นปช. ร่วมนั่ง กมธ. สันติสุข และระวังน่าอาย หน้าแตก เพราะไม่มีผลใดๆในทางปฏิบัติ พร้อมกับประกาศจุดยืนไม่รับตำแหน่ง ที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารของ พล.อ.ประยุทธ์ ทุกตำแหน่ง

ฝากพรรคประชาธิปัตย์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคยืนยันว่า พรรคจะไม่ส่งคนเข้าร่วม ถ้าใครได้รับการติดต่อคงต้องไปในนามส่วนตัว แต่เชื่อว่าไม่มีใครไปร่วม ด้วยเหตุผล กมธ. วิสามัญชุดดังกล่าว อาจพูดคุยเรื่องนิรโทษกรรมที่พรรคคัดค้านมาแต่ต้น

ไม่ต่างจาก นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ตอกย้ำความล้มเหลวของรัฐบาล คสช. โดยเฉพาะ "บิ๊กตู่" ไว้ว่า ช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ยังไม่ปรากฏว่ามีความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง กระบวนการปรองดองยังไม่เริ่มต้นขึ้น ไม่มีการรวบรวมองค์ความรู้ ประสบการณ์ ความคิดเห็นการปรองดอง ที่มีการศึกษามาในอดีต แสดงให้เห็นว่า คสช. และรัฐบาล ไม่ได้ใส่ใจอยากปรองดองอย่างที่กล่าวอ้างเป็นสาเหตุเข้าสู่อำนาจ แถมนายกรัฐมนตรีไม่เข้าใจกระบวนการปรองดองและไม่พยายามรับฟังความเห็นฝ่ายต่างๆอีกด้วย

เมื่อจับสัญญาณที่ถูกส่งออกมาจากทุกฝ่าย ทำให้เห็นชัดว่า ยังไม่ถึงเวลาของการสร้างความปรองดอง ที่เป็นอย่างนี้เพราะแต่ละฝ่ายตีความหมายของคำว่า "ปรองดอง" แตกต่างกัน เมื่อตีความแตกต่างกัน ทิศทางและเป้าหมายของสร้างความปรองดองจึงต่างกัน

การสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น ชาติจึงยังมองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์

     อาสาหาข่าว
      19/1/59

ปีศาจเฉพาะกาล โดย น.พ.สมเกียรติ ธาตรีธร

ปีศาจเฉพาะกาล

โดย น.พ.สมเกียรติ ธาตรีธร


เมื่อ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา มีงานรำลึกถึง คุณเสนีย์ เสาวพงศ์ ที่สถาบันปรีดี พนมยงค์ ที่ได้ข่าวว่ามีทหารมาขอทราบรายละเอียดและขอเข้าร่วมด้วย บรรยากาศในงานมีความคึกคักแบบปัญญาชนทางด้านสังคม ทหารที่มาสังเกตการณ์คงไม่ได้ข้อมูลอะไรที่ต้องทำการเคลื่อนไหวหลังงาน

ในงานมีคำถามคำตอบที่น่าสนใจคำถามหนึ่งคือ ในนิยายเรื่องปีศาจใครเป็นปีศาจตัวจริง และมีการเฉลยว่าคือรัชนี นางเอกในเรื่อง ผู้ซึ่งเป็นกบฏต่อชนชั้นของตัวเองเข้าร่วมทางและร่วมชีวิตกับสาย สีมา โดยไม่มีแม้แต่กระเป๋าเสื้อผ้าติดตัวมา 

ตัวสาย สีมา นั้นแม้จะเป็นปีศาจด้วยแน่นอน แต่ก็ยังสังกัดอยู่ในชนชั้นของตัวเอง ได้เผชิญกับแรงกดดันทางชนชั้นและได้รับความเจ็บปวดจากแรงกดดันนั้น แต่รัชนีไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันโดยตรงอย่างสาย สีมา เพียงได้รับรู้ ได้เห็น และรู้สึกคล้อยตามสาย สีมา ที่มีปฏิกิริยาต่อความไม่ถูกต้องเป็นธรรมที่เกิดจากแรงกดดัน ก็ถึงกับยอมสละสถานะทางชนชั้นเข้าร่วมทางกับสาย สีมา

สำหรับผู้สนใจพัฒนาการทางสังคมและนักอ่านนิยายที่สะท้อนปัญหาสังคม ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมานั้นได้รับรู้และซาบซึ้งเรื่องราวของทั้งบุคคลจริง และตัวละครในนิยายที่เป็นกบฏต่อชนชั้นของผู้ได้เปรียบที่ตัวเองสังกัดอยู่ เข้าร่วมทาง หรือบางครั้งเข้าต่อสู้ร่วมกับชนชั้นล่างผู้เสียเปรียบอยู่เสมอ

คนเหล่านั้นย่อมต้องเป็นปีศาจตามนัยยะของนิยายเรื่องปีศาจเช่นเดียวกับรัชนี

เมื่อยึดคำจำกัดความของปีศาจว่าคือคนผู้เป็นกบฏต่อชนชั้นตัวเองไปเข้ากับชนชั้นตรงข้าม ในปัจจุบันมีปีศาจตามนัยยะเดียวกันแต่สวนทางอยู่ไม่น้อย 

เป็นปีศาจที่สังกัดอยู่ในชนชั้นล่างผู้เสียเปรียบ ผู้ถูกกดดัน ผู้ถูกหยาบหยาม แต่เป็นกบฏไปเข้ากับฝ่ายผู้ได้เปรียบ ตั้งตนเป็นศัตรูกับชนชั้นตัวเอง ประณามหยามเหยียดผู้ร่วมชนชั้นว่าโง่ ว่าทุจริต ว่าไม่ควรมีสิทธิมีเสียงเท่าชนชั้นที่ได้เปรียบ (ที่เอาเปรียบอยู่) รวมกลุ่มยอมตัวเป็นเครื่องมือห้ำหั่น ทำร้ายทำลายชนชั้นเดียวกับตัวเอง จึงอาจนับได้ว่าผู้เป็นกบฏต่อชนชั้นผู้เสียเปรียบของตัวเองเหล่านั้นเป็นปีศาจได้เช่นกัน

ต่างกันเพียงปีศาจชนิดหลังนี้เป็นปีศาจเฉพาะกาลที่สวนทางกาลเวลา ไม่อาจเติบโตและทนทานต่อกาลเวลาที่ผ่านไปได้ รอเวลาเข้าพิพิธภัณฑ์พร้อมกับกลุ่มที่สังกัดใหม่ ไม่เหมือนปีศาจชนิดแรกเช่นรัชนีหรือสาย สีมา

ปีศาจชนิดหลังนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากเหตุและปัจจัยของความรับรู้และสำนึกในความเป็นธรรม แต่เกิดจากเหตุและปัจจัยของผลประโยชน์ที่จะได้สังกัดในชนชั้นที่ได้เปรียบเพื่อจะได้เอาเปรียบของการฟังความข้างเดียว ของอคติ ของศรัทธาที่เกิดจากการตอกย้ำข้อมูลด้านเดียว ของศรัทธาในตัวบุคคลที่เกิดจากข้อมูลด้านเดียวนั้น และของการได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้ได้เปรียบ กลุ่มผู้ทรงอำนาจซึ่งอาจนำไปเชิดหน้าชูตาในสังคมได้

ในช่วงเปลี่ยนผ่านของสังคมตลอดประวัติศาสตร์ เราจะพบปีศาจในสองลักษณะนี้เสมอ ในการต่อสู้เพื่อเอกราชของประเทศเมืองขึ้น อุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งของนักต่อสู้กู้ชาติคือเพื่อนร่วมชาติที่เอาใจฝักใฝ่เข้าข้างเจ้าอาณานิคม และเข้าต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับเพื่อนร่วมชาติที่กำลังต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาติอยู่ เป็นปรากฏการณ์ที่พบได้เสมอในทุกชาติทุกประเทศที่มีการต่อสู้ในลักษณะดังกล่าว 

ในอินเดีย ตำรวจชาวอินเดียใช้ไม้กระบองหวดเพื่อนร่วมชาติสาวกของคานธีที่เดินมือเปล่าโดยไม่ปรานี ในเวียดนาม ทหารเวียดนามที่นิยมฝรั่งเศสเข้าต่อสู้แลกชีวิตอย่างเอาเป็นเอาตายกับเพื่อนร่วมชาติที่ทำงานกู้อิสรภาพอยู่

และภายในสังคมของชาติเดียวกันที่ไม่ได้เป็นอาณานิคม ก็มีปีศาจของชนชั้นล่างผู้เสียเปรียบเข้าเป็นบริวารในสังกัดของผู้ได้เปรียบทำการเข่นฆ่า ทำลายล้างเพื่อนร่วมชนชั้นปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ


ปีศาจชนิดแรกเท่านั้นที่เป็นปีศาจแห่งกาลเวลาตามที่เสนีย์ เสาวพงศ์ ประกาศผ่านสาย สีมา ปีศาจชนิดหลังเป็นปีศาจเฉพาะกาลซึ่งจะร่วงโรยไปตามกาลเวลา เป็นปีศาจที่ในท้ายที่สุดไม่เคยชนะเลยในประวัติศาสตร์ แม้จะสร้างความสูญเสียได้มากก็ตาม

ปีศาจเหล่านี้ส่วนหนึ่งเป็นเหยื่อที่น่าสงสารของระบบซึ่งต้องให้ความเมตตา ให้ความรับรู้ และให้เวลา ในขณะเดียวกันต้องทำใจว่าจะมีส่วนหนึ่งฝังตัวอยู่กับระบบและศรัทธาที่ไม่ทนต่อกาลเวลาตราบวันสุดท้ายของชีวิต

ที่มา : มติชนรายวัน 31 ธันวาคม พ.ศ. 2557