เรียกว่าถอยร่นอย่างไม่เป็นท่า สำหรับแบงก์ทหารไทย หรือ ทีเอ็มบี ที่กล้าประกาศ "ลดดอกเบี้ยออมทรัพย์" จาก 0.125% เหลือ 0% เบื้องหลังการถ่ายทำ ก็เนื่องมาจากเงินฝากล้นแบงก์เกือบๆ 10%
มิหนำซ้ำยังต้องแบกต้นทุนสูงกว่าคู่แข่ง
หนทางเดียวที่จะลดภาระได้ ต้องหาทางระบายออกไป อีกทั้งการลดดอกเบี้ยก็เพื่อปรับต้นทุนที่สูงให้อยู่ในภาวะ "สมดุล" เนื่องจากที่ผ่านมาแบงก์ทหารไทยมีนโยบาย "ฟรีค่าธรรมเนียม" ในการทำธุรกรรมต่างๆ นั่นเอง
แต่พลันที่แบงก์ประกาศลดดอกเบี้ยออมทรัพย์ โลกโซเชี่ยลมีเดียแชร์กันกระหึ่ม ไม่เห็นด้วย แต่หนักที่สุดคือ บรรดาลูกค้าที่ฝากเงินออมทรัพย์พากันกระหน่ำโทร.ถึงผู้บริหาร ถึงบอร์ด ผู้หลักผู้ใหญ่ในแบงก์จนรับไม่หวาดไม่ไหว
ว่ากันว่างานนี้ "รังสรรค์ ศรีวรศาสตร์" ประธานกรรมการแบงก์ "ไม่เห็นด้วย" กับการลดดอกเบี้ยออมทรัพย์เหลือ 0% จึงเรียกประชุมด่วน ในที่สุดก็ให้กลับมาใช้ดอกเบี้ย อัตราเดิม 0.125%
ถือว่ากลับลำได้ค่อนข้างรวดเร็ว แต่ภาพลักษณ์แบงก์ที่ ชูกลยุทธ์ "สร้างความแตกต่าง" จนติดตลาดเสียหายพอสมควร
เจตนารมณ์ของผู้บริหารแบงก์ทหารไทยที่กล้าประกาศลดดอกเบี้ยคงจะเห็นว่า ดอกเบี้ยออมทรัพย์ต่ำอยู่แล้ว หากว่าลดลงเหลือ 0% ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก แต่ลืมไปว่าในทางตัวเลขอาจไม่มากมายอะไร แต่ในเรื่องของ "ความรู้สึก" กลับรุนแรงอย่างคาดไม่ถึง
แบงก์อาจจะเคย "ชินกับตัวเลข" แต่ "ละเลยความรู้สึก" ชาวบ้าน จึงทำให้อ่านใจผู้ฝากเงินผิดพลาดอย่างมหันต์
หากจะลดต้นทุนจริงๆ ทำไมไม่ลดเงินฝากหรือผลิตภัณฑ์ ประเภทอื่นๆ ของแบงก์ที่ให้ผลตอบแทนสูงๆ คนก็อาจจะไม่รู้สึกเท่ากับไปลดดอกเบี้ยต่ำๆ อยู่แล้วให้เหลือ 0%
ทำให้ผู้ฝากเงินมีความรู้สึกว่า เอาเงินฝากแบงก์ไปปล่อยกู้หากำไรต่อแต่ผู้ฝากเงินกลับไม่ได้อะไรตอบแทน
แบงก์อาจจะคาดไม่ถึงว่าผู้ฝากออมทรัพย์ แม้จะเป็นผู้ฝากรายย่อย แต่ก็มีจำนวนมาก หากจะรวมตัว "คว่ำบาตร" โดยโยกบัญชีไปที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าย่อมส่งผลสะเทือนแน่ๆ
เหนือสิ่งใดลูกค้าไม่ใช่แค่ฝากเงิน แต่ยังทำธุรกรรมอื่นๆ ที่สร้างรายได้ให้แบงก์มากกว่าเงินฝากในบัญชีอีกด้วย แต่ละรายล้วนมี "มูลค่า" มากกว่าการฝากเงินอย่างเดียว
บทเรียนของแบงก์ทหารไทยคงได้ให้แบงก์อื่นได้เรียนลัดว่าอารมณ์ของผู้ฝากเงินละเอียดอ่อนและอ่อนไหวอย่างยิ่ง...ประวัติศาสตร์คงไม่ซ้ำรอย
เครดิต จาก ไลน์
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.