ยินดีต้อนรับ
Tuesday, September 29, 2015
เห็นพิษสงของเผด็จการบ้าที่ดินหรือยังล่ะ
นายกยิ่งลักษณ์ ฟ้องกลไกเผด็จการ...มีอะไรต้องพิจารณา
การ ฟ้องคดีอาญาของ ท่านนายกรัฐมนตรี(หญิง) คนแรกของประเทศไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันวาน และในวันนี้ มีผู้มาโพสต์ ข้อความดังต่อไปนี้:
"การฟ้องร้องของนายกปูในครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ถูกต้อง เพื่อรักษาศักดิ์ศรี เพื่อการรุมกัดของเหล่าอธรรมทั้งหลาย ทั้ง ๆ ที่พวกมันก็รู้ว่า การกระทำที่ผ่านมานี้เป้นนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อสภาอันทรงเกียรติ แต่เหล่าหมาขี้เรื้อนพวกนี้ ต้องการให้นายกปูมีมลทินในเรื่องนี้ให้ได้ เพื่อจะนำมาเป็นชนักกดดันนายกปูในเรื่องต่าง ๆ เฉกเช่นเดียวกับนายกทักษิณในเรื่อง " ที่ดินรัชดา " จนไม่สามารถกลับมารับโทษที่โดนกลั่นแกล้งเช่นนี้ได้ดังนั้น การกระทำของนายกปูในครั้งนี้ พวกเราผู้รักความเป็นธรรม จะต้องช่วยแพร่ข่าวนี้ออกไปให้มาก และให้พวกเหล่าหมาขี้เรื้อนเหล่านั้น ได้รู้ว่า มึงรังแก " นายกปู " ไม่ได้หรอก
นี่เป็นเพียงมาตรการการต่อต้านของพวกเรา ในด่านแรกเท่านั้นครับ"
ผม ในฐานะนักกฏหมาย ขอเสนอข้อคิด เป็นการบ้านในเรื่องนี้ เพื่อความสุขุมรอบคอบ ดังต่อไปนี้:
๑. การออกคำสั่งฟ้อง ของอัยการสูงสุด และ เพื่อฟ้องนายกหญิงคนแรกของประเทศไทย คุณยิ่งลักษณ์ฯ นั้น ก่อนที่คุณยิ่งลักษณ์ฯ จะโต้กลับ ด้วยการฟ้องคดี เมื่อวันวานนี้ในคดีอาญา
๒.เพื่อความ รู้ที่เห็นแจ้ง และ สัมผัสได้ โดยชอบธรรม
๓. ผมต้องขอถามตรงนี้ว่า "มีการฟ้องเพื่อทำลาย ความชอบธรรมตามกฏหมายของ [คำสั่งฟ้อง] ของท่านอัยการสูงสุด แล้วหรือยัง?"
๔. ถ้ายัง ก็ต้องทำ เพราะ:
๕. การฟ้องคดีในทางอาญา คือการฟ้องคดี เพื่อกล่าวหาว่า ผู้ถูกฟ้อง กระทำความผิด ต่อ กฏหมายอาญา (กระบิลเมือง ถ้อยคำในยุคใช้กฏหมายอาญา ร.ศ. ๑๑๒ ของประเทศไทย)
๖. ความชอบธรรม ตามกฏหมายของตัว "คำสั่งฟ้อง" ของท่านอัยการสูงสุด ยังมีอยู่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
๗. แล้วพวกท่านไม่กลัว ท่านอัยการสูงสุด เขา จะฟ้องโต้กลับว่า "คุณยิ่งลักษณ์ฯ ไปฟ้องเขา เป็นความผิดทางอาญาบ้างเลยหรือไร?"
๘. ที่ท่าน ตั้งญัตติ ในเชิงถามความเห็นมา ผมจึงต้องขอติง เพื่อให้ทุกๆท่าน ช่วยกันระแวดระวัง แก่ท่านนายกฯหญิง ยิ่งลักษณ์ด้วยครับ.
ประยุทธ์ กับประธาน จี.77 เกียรติยศ หรือความอัปยศ ?
ประยุทธ์ กับประธาน จี.77 เกียรติยศ หรือความอัปยศ ?
สิ่งที่คนไทยต้องรู้
-ระยะนี้ ไม่ว่าทางรัฐบาล เช่น เสธ.ไก่อู,สื่อสารมวลชน ตลอดจนผู้สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งทุกเว็บไซด์ของสลิ่ม ต่างออกมายกย่องชื่นชมท่านกันทุกวันที่สามารถทำให้ไทยได้เป็นประธาน จี.77 ในปีหน้า
ความจริง ผมไม่อยากขัดคอท่านหรอกครับ เห็นสลิ่มโพสต์เชิดชูท่านเหลือเกินก็ได้แต่ทำเฉยๆไว้ เพราะทุกวันนี้ก็ถูกเพ่งเล็ง ถูกคุกคามอยู่บ่อยๆแล้ว แต่มาเห็นการให้สัมภาษณ์ของท่านวันก่อนตามลิงค์นี้แล้ว ยอมรับว่า เหลือทนกับความเป็นตัวตนของท่านจนทนไม่ไหวจริงๆ
ท่านกล่าวถึงกรณีที่ประเทศสมาชิกกลุ่มจี 77 รับรองให้ประเทศไทยดำรงตำแหน่งประธานกลุ่ม สำหรับวาระปี 2559 ว่า
"ทางกลุ่มจี 77 มีการพูดคุยเรื่องความยากจนและความยั่งยืน การคัดเลือกจะเลือกจากประเทศที่มีประสบการณ์ และประเทศที่ประสบความสำเร็จซึ่งประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่ประสบความสำเร็จในการลดความยากจนลงในปี 2543 กว่าร้อยละ 40"
ท่านพูดถูก แต่พูดไม่หมดครับ เพราะจากรายงานของ World Bank,THAILAND ECONOMIC MONITOR NOVEMBER 2005 ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลหลักที่กลุ่ม G77 ใช้เป็นข้อมูลศึกษา มีการกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ทั้งในหน้า 6 และหน้า 14 ว่า
-The poverty headcount ratio in Thailand fell by 10 percentage-points from 2000 to 2004. It fell from 21 percent of population
below the poverty-line in 2000 to 11 percent in 2004 . The largest gain was from the Northeast , though North did pretty well too.
The rise in household incomes, especially agricultural incomes, has contributed to the reduction in poverty.
As the majority of the poor reside in the rural areas and are engaged in agricultural activities, the double digit
rise in farm incomes since 2002 had contributed to poverty alleviation. From 2000 to 2004,
agricultural incomes have risen by 40 percent, higher than the rise in any other forms of income.
http://siteresources.worldbank.org/…/2005nov-econ-full-repo…
คร่าวๆก็คือ
-อัตราความยากจนในประเทศไทยลดลงร้อยละ 10 จุด จากปี 2543 ถึงปี 2547 ลดลงจาก 21 เปอร์เซ็นต์ของประชากรต่ำกว่าเส้นความยากจน
ในปี 2543 เป็นร้อยละ 11 ในปี 2547 ที่มากสุดคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ
การเพิ่มขึ้นของรายได้ครัวเรือน โดยเฉพาะรายได้ทางการเกษตรได้มีส่วนร่วมในการลดความยากจนของคนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท
รายได้เริ่มเพิ่มขึ้นกับเกษตรกรตั้งแต่ปี 2545 และ จากปี 2543 ถึงปี 2547
รายได้ทางการเกษตรได้เพิ่มขึันถึงร้อยละ 40 สูงกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ในรูปแบบอื่นๆ
เห็นคำพูดท่านประยุทธ์หรือยังครับ ท่านบอกที่ได้รับคัดเลือกเพราะ "ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่ประสบความสำเร็จในการลดความยากจนลงในปี 2543 กว่าร้อยละ 40"
ท่านลืมหรือไม่ทราบกันแน่ว่า ในปี 2543 นั้น เป็นสมัยปลายรัฐบาลของคุณชวน หลีกภัย ที่ถูกพายุเศรษฐกิจกระหนํ่าจนล้มควํ่า ล้มหงาย ทั้งจากเศรษฐกิจฟองสบู่สมัยพล.อ.เชาวลิต ยงใจยุทธ และคดี ปรส.อันอื้อฉาว จนต้องยุบสภาไปตอนต้นปี 2544 (6 ก.พ.) ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดความยากจนของท่านทักษิณแม้แต่น้อย
ความดีความชอบในการลดความยากจนที่ประสบความสำเร็จจนกลุ่ม G77 ชื่นชมและมีมติให้ไทยเป็นประธานฯในปีหน้านั้น เกิดขึ้นเพราะผลงานของท่านทักษิณ (2544-2549)โดยแท้แน่นอน ไม่มีข้อสงสัย
แต่เพราะความอิจฉา ริษยา กลัวท่านทักษิณจะได้หน้า เลยพูดกั๊กไว้ว่า พ.ศ. 2543 เรียกว่าเจตนา ชุบมือเปิบ เอาความดีความชอบของท่านทักษิณ คนที่ท่านชอบให้ร้าย มาเป็นของตัวเองอย่างหน้าตาเฉย
ถามจริงๆครับ ฟังท่านประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ตามลิงค์นี้แล้ว ฝ่ายรัฐบาล สื่อที่ชอบเชลียร์ และสลิ่มทั้งหลาย ท่านภูมิอกภูมิใจในตำแหน่งประธาน G77 กับตัวพล.อ.ประยุทธ์ กันมากหรือครับ
สำหรับผม การชุบมือเปิบอย่างไม่ละอายนั้น ชายชาติทหารเค้าไม่ทำกันครับ
ชูวิทย์ ว่าด้วยกรณีระเบิดราชประสงค์: "ไอ้อ๊อด กับ ไอ้ปื๊ด"
ความกระจอกและห่วยแตกของเสธน้ำเงิน (กระบอกอุจจาระของฝั่งทหารพระราชา)
แผ่นดินประเทศไทยอยู่ในมือใครบ้าง?
อันดับ 1 คือ
- ตระกูลสิริวัฒนภักดี ถือครองกว่า 630,000 ไร่ทั้งในนามส่วนตัว ครอบครัว และผ่านบริษัทต่างๆ โดยหนึ่งในที่ดินแปลงใหญ่ที่ตระกูลสิริวัฒนภักดีครอบครองกรรมสิทธิ์อยู่ในบริเวณอ.ชะอำ จ.เพชรบุรีรวมประมาณ 12,000 ไร่ ที่ดินใน อ.บางบาลจ.พระนครศรีอยุธยา อีกประมาณ 15,000 ไร่
- อันดับ 2 คือ ตระกูลเจียรวนนท์ ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ประธานกรรมการบริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ธุรกิจการเกษตรครบวงจรในนามกลุ่ม ซีพี ธุรกิจพัฒนาที่ดินในนาม ซี.พี.แลนด์ และกลุ่มแมกโนเลียส์ ธุรกิจโทรคมนาคมทรู คอร์ปอเรชั่น ถือครองที่ดินในมือไม่ต่ำกว่า 200,000 ไร่ โดยแปลงใหญ่อยู่ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ประมาณ 10,000 ไร่
- อันดับ 3 คือบมจ.สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ดำเนินธุรกิจด้านน้ำมันปาล์มรายใหญ่ในภาคใต้ ถือครองที่ดินกว่า 44,400ไร่
- อันดับ 4คือ สำนักงานทรัพย์สินฯ จำนวน 30,000 ไร่
- อันดับ 5 คือบมจ.ไออาร์พีซี จำนวน 17,000 ไร่
- อันดับ 6 คือ ตระกูลมาลีนนท์ จำนวน 10,000 ไร่
- อันดับ 7 คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน จำนวน 10,000 ไร่
- อันดับ 8 คือวิชัย พูลวรลักษณ์ จำนวน 7,000 ไร่
- อันดับ 9 คือ ตระกูลเตชะณรงค์ จำนวน 5,000 ไร่อันดับ 10 คือ
- ตระกูลจุฬางกูรจำนวน 5,000 ไร่
ส่วนในกลุ่มนักการเมือง
จากผลการศึกษา
พบว่าผู้ที่ถือครองที่ดิน
รายใหญ่ของประเทศ ดังนี้
- อันดับ 1 คือ นายอำนาจ คลังผา อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถือครอง 2,030 ไร่
- อันดับ 2 คือ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี มี 2,000 ไร่
- อันดับ 3 คือนายเสนาะ และนางอุไรวรรณ เทียนทองมี 1,900 ไร่
- อันดับ 4 คือนายอนุชา บูรพชัยศรี มี 1,284 ไร่
- อันดับ 5 คือ นายอดิศักดิ์ โภคสกุลนานนท์มี 1,197 ไร่
- อันดับ 6 คือนายทศพร เทพบุตร ถือครองที่ดิน 1,095 ไร่
- อันดับ 7 คือ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดีมี 1,095 ไร่
- อันดับ 8 คือนายสุชน ชามพูนท มี 1,060 ไร่
- อันดับ 9 คือนายชัย ชิดชอบ และภรรยา 854 ไร่
- อันดับ 10 คือ นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ มี 755 ไร่