ปัญหาประเทศไทย ต้องแก้ด้วยการ “ล้มสถาบัน”
Posted on เมษายน 22, 2011 by piangdin
“ไอ้เหี้ยสั่งฆ่า อีห่าสั่งยิง”
“ไอ้สอดบัตร”
“กูไม่กลัวมึง กูไม่เอามึง”
“เจ้าของคอกม้า”
“อีกะหรี่”
และอีกหลายวลีและประโยคที่ไม่ทราบว่าคนพูดหมายถึงใคร
แต่ใครที่คนไทยจำนวนมากหมายถึงนี้ คงไม่กล้าแสดงตัวออกมายอมรับและฟ้องร้องใครแน่
เพราะข้อหาแรงและคำบรรยายมันแทงใจดำคนที่มองตัวเองสูงส่ง และอยากให้ประชาชนรักใคร่
ยอมรับและยินยอมแบบไม่มีเงื่อนไข บนเงื่อนไขของการยอมกูก่อนข้างเดียว
แน่นอนล่ะ ว่าคำกล่าวข้างต้น มีการโยงไปหาชนชั้นสูงที่คนมองว่าเป็นสถาบัน ที่ควรเคารพยกย่อง
จงรักภักดี คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วย จะใช่หรือไม่ใช่ ก็แล้วแต่คนไทยจะมอง แต่หากใคร
บอกว่าใช่แล้วเอามาพูดต่อ ก็คงโดนดี ถูกเฆี่ยนซัก 112 ทีให้เข็ดหลาบ หรือตายคาขื่อซะเลย
สำหรับผม ถือว่าข้อความดังกล่าว จะหมายถึงใครก็ได้ในประเทศไทยที่เลวร้ายและเป็นที่เกลียดชัง
ดังนั้น อย่าเอาแส้สมัยดึกดำบรรพ์มาเฆี่ยนผม สำหรับผม คำว่าสถาบัน ไม่ควรถูกจำกัดแค่
สถาบันกษัตริย์เท่านั้น และที่ผมจั่วหัวบทความด้วยคำว่า ล้มสถาบัน นั้น ผมหมายความตามนั้น
ทำไมต้องล้มสถาบัน? ตอบง่าย ๆ ก่อนขยายความว่า ก็เพราะสถาบันมันเหี้ย สถาบันมันเป็นพิษ
สถาบันมันทำร้ายประเทศ สถาบันมันเสื่อมและเน่าใน สถาบันมันอยู่ผิดที่ผิดกาล สถาบันมันไร้ประโยชน์
สถาบันมันขัดหลักเสรีประชาธิปไตย สถาบันมันไร้ความยุติธรรม สถาบันมันทำร้ายคนดี
สถาบันมันหลอกลวง สถาบันมันเล่นลิ้นกินบ้านกินเมือง สถาบันมันนำมาซึ่งความรุนแรง สถาบันมันชั่ว ฯลฯ
ผมใช้คำว่า สถาบัน ในความหมายที่บ่งว่า มันเป็นองค์กร มีวัตถุประสงค์ มีคณะทำงาน มีทุนดำเนินงาน
มีรูปแบบหลักเกณฑ์ที่ถูกกฎหมาย (แต่จะทำถูกกฎหมายใคร ชอบธรรมหรือไม่นั้น อีกเรื่องหนึ่ง)
และสถาบันที่ทำร้ายประเทศไทย และเป็นปัญหาของประเทศไทยนี้ มันรวมเอาหลาย ๆ สถาบันย่อย
ที่รายล้อมและอิง หรือใช้ประโยชน์จากการมีเส้นสายหรือได้รับความเห็นชอบจากราชสำนัก
สถาบันย่อยเหล่านี้ ใครผิดใครถูก ต้องว่ากันเป็นราย ๆไป ตามหลักเหตุผลและหลักการ
แต่โดยรวมแล้ว สถาบันใหญ่ที่ผมว่าเป็นปัญหาและควรต้องล้ม คือสถาบันที่ยังนึกชื่อไม่ได้
ผมแทนตัวย่อด้วย สถาบัน ก. ละกันนะครับ สถาบันนี้มันเหี้ยมาก ๆ ทำร้ายประเทศกันอย่างเป็นระบบ
มีเครือข่ายทั่วประเทศ มีกำลังทหารคอยรับใช้ มีระบบราชการคอยเป็นตีนมือ มีกฎหมายที่
มันสั่งคนของมันเข้าไปร่าง หลังจากที่ใช้กำลังศาลและทหาร ตลอดจนบารมีมือที่มองไม่เห็น
เข้าไปยึดอำนาจมาให้นักการเมืองเปรตเหี้ยเข้าไปครอง เพื่อไปแสวงหาแดกอย่างเป็นทางการ
สถาบัน ก. นี้ มันสั่งสื่อได้ มันสั่งธุรกิจในสังกัดหรือในเครือข่ายมันได้ มันสั่งให้รัฐบาลเอาเงินมา
ใช้ป้อนให้ทหารเพื่อให้ทหารรับใบสั่งรัฐประหาร ข่มขู่และฆ่าประชาชน สถาบันนี้ ตัวตนมันมองไม่เห็น
คนเห็นก็คงพูดไม่ได้ด้วย เพราะหากพูดมันก็ต้องไปแตะเอาทหาร ศาล และนักการเมืองสันหลังหวะ
ที่ลงจากอำนาจไม่ได้ เพราะลงเมื่อใด ถึงตายและฉิบหายกันทั้งก๊ก และทั้งตระกูล สถาบันเหล่านี้
ทำชั่วกันอย่างเป็นระบบ เป็นก๊ก เป็นเวลานาน และเลยจุดยอมรับได้ทางกฎหมายและศีลธรรม
ที่เราต้องล้มสถาบัน ก. นี้ ก็เพราะมันซับซ้อนและมีพิษในทุกจุดในตัวมัน จะตัดหัวโดยไม่ตัดแขนขา
หรือถอนฟันทิ้ง หรือตัดจู่ ตัดหู ตัดเครื่องในมันออกมาทำลายไม่ได้ เพราะทิ้งอะไรไว้โดยไม่จัดการ
เผาทำลาย ก็จะเป็นพิษไม่จบสิ้น โดยเฉพาะหัว หากจะเทียบสถาบันนี้ให้ชัด ก็คงต้องนึกถึงอาการ
ของฝี ที่เป็นฝีชนิดรุนแรงตายได้ อาการของฝีคือ จะมีเชื้อร้ายที่กัดทำลายตัวเรา พยายามรุกรานเข้าไป
ในเนื้อหนังของเรา จนเราต้องออกมาต่อต้าน และพอเราต่อต้าน มันก็ไม่ยอมแพ้ จึงเกิดการต่อสู้
และศพและน้ำเลือดน้ำหนองของทั้งสองฝ่าย จะทำร้ายตัวเรา (เปรียบได้กับประเทศชาติ) อย่าง
ไม่จบสิ้น และตัวหัวฝีก็จะเป็นศูนย์กลางของการทำลายล้าง หนองและสิ่งโสโครกรอบหัวฝี ก็จะ
ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด อาการระบม อาการไข้ และอาการอื่น ๆ ตามมา หากมันขยายใหญ่เกิน
ที่ร่างกายจะรับได้ ก็ถึงตายเลยทีเดียว แต่หนองประเทศไทยนี้ มันมีพิษในทุกจุด น้ำเลือดน้ำหนอง
มันเหมือนมีเชื้อเอดส์อยู่ด้วย ดังนั้น หากไม่กำจัดให้สิ้นซาก ก็คงไม่มีทางหาย ผมไม่ใช่หมอ
ที่บรรยายมา อาจจะถูกหรือผิดหลักแพทยศาสตร์บ้าง แต่ก็พอรู้ว่า หากไม่เอาหัวฝีออก
อาการระบมจะไม่หาย ต่อให้เอาเลือดออกไปทิ้ง ก็จะเวียนเกิดหนองและความเจ็บปวดทรมาณ
อย่างไม่จบสิ้น หากในระดับย่อยก็คือ เหมือนสิวบนหน้าน่ะครับ หากหัวสิวไม่ออก ก็ไม่มีทางหาย
หากจะรอก็ต้องใช้เวลานาน ยิ่งมีสิวเต็มหน้า ยิ่งต้องรักษา หรือทำลายมันอย่างเด็ดขาดนั่นเอง
การแก้ปัญหาเมืองไทย ต้องล้มสถาบัน ก. นี้ให้เด็ดขาด แต่จะทำอย่างไรนั้น ก็ต้องดูว่า สถาบันนี้
มันประกอบด้วยสถาบันย่อยอะไรบ้าง ทำหน้าที่อะไร มีรากอยู่ตรงไหน ใช้ยาชนิดไหนดี ที่ต้องล้ม
ก็เพราะสถาบันนี้ อยู่แล้วไม่มีทางปรับตัวง่าย ๆ สถาบันมันมีเป้าหมายที่ขัดกับเสรีประชาธิปไตย
ก็ต้องเปลี่ยนเป้าหมาย มีคณะทำงานที่ไม่ชอบธรรมตามหลักเสรีประชาธิปไตย ก็ต้องเอาออกแล้วจัดใหม่
ใครอยู่ผิดที่ ผิดหน้าที่ ไม่โปร่งใส ทำผิดบทบาท หรือทำผิดกฎหมาย ก็ต้องถูกจัดระเบียบและลงโทษ
เราต้องปัดกวาด ทำลาย และโยกย้าย แล้วจัดระเบียบองค์กรใหม่ สถาบัน ก. ที่ว่านี้ ประชาชนเป็นเจ้านาย
ประชาชนเสียภาษีไปจ่ายเลี้ยงทุกสถาบันในนั้น ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม บางสถาบันมีอภิสิทธิ์มากไป
จนลืมว่าประชาชนคือเจ้าของและผู้มีบุญคุณ ดังนั้น ก็ต้องให้ประชาชนไปล้มสถาบัน ก. นี้เสีย
แล้วจัดระเบียบใหม่ วางกฎเกณฑ์ใหม่ สร้างวัฒนธรรมใหม่ ใครผิดก็ต้องเอาออกและเอามาพิจารณาโทษ
แต่ว่าประชาชนจะทำได้อย่างไร ในเมื่อสถาบัน ก. นี้ มันมีปืน มันมีกฎหมายที่มันอ้างเอามาใช้ ไม่ว่าจะ
ชอบธรรมหรือไม่ มันมีกลไกอำนาจ มันมีเงินทอง มันมีเครือข่าย และอะไรอีกมากมาย ที่หากไม่
ยึดอำนาจหรือใช้กำลังอันมหาศาลไปเจรจากดดัน หรือใช้กำลังหักล้าง มันจะไม่ยอมคลายตัว คลายกล
คำถามก็คือ
จะล้มสถาบันนี้อย่างไร ให้ถูกกฎหมายและศีลธรรม โดยชอบธรรมและประเทศชาติไม่เสียหาย?
จะล้มสถาบันได้อย่างไร โดยให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้?
จะล้มสถาบันได้อย่างไร โดยไม่เกิดสูญญากาศทางการเมือง สังคม และการบริหารบ้านเมือง?
จะล้มสถาบันได้อย่างได้ โดยไม่มีการล้มตายและสงครามกลางเมือง?
จะล้มสถาบันได้อย่างไร ในเมื่อประชาชนยังเสียเปรียบทางเงื่อนไขของอำนาจและทรัพยากร ตลอดจนความเชี่ยวชาญในการแย่งชิงอำนาจ?
เวลานี้ ไม่น่าจะใช้เวลามาคุยกันมาก ว่าปัญหาอยู่ที่ใด
ปัญหาต้องถูกแก้ด้วยการแก้เหตุ ตามหลักของทุกศาสนา
เหตุของปัญหาในสถาบัน ก. นี้ มันเกี่ยวด้วยหลายหน่วยอันตรายและเป็นพิษที่ต้องถูกล้มล้าง
แต่เราจะล้มล้างแบบฆ่าฟันให้สูญหาย หรือเราจะล้มล้างกันด้วยวิถีทางประชาธิปไตย
เราจะเอาแบบสูญพันธุ์ หรือให้อภัยกัน โดยหันหน้ามาพบกัน แล้วให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้นก่อน
ใครผิด ก็รับผิดไป ใครเสียหายก็ได้รับการชดใช้
แล้วจะให้อภัยคนผิดแค่ไหน อย่างไร
ทั้งหมดนี้ ประชาชนต้องช่วงชิงอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจศาลมาให้ได้ก่อน
เมื่อให้อำนาจอธิปไตยมาเป็นของประชาชนแล้ว การจะกำหนดให้ทุกหน่วยย่อย หรือสถาบันย่อย
ในสถาบัน ก. นี้ อยู่ใตัอำนาจประชาชน อยู่ในร่องในรอย ไม่กลับมาสร้างวงจรอุบาทว์อีก ก็ถือเป็นเรื่อง
จำเป็นต้องเกิดขึ้น นี่คือการล้มสถาบันนั่นเอง
ณ เวลานี้ ดูเหมือนการเลือกตั้ง สามารถนำมาใช้สำหรับการแย่งอำนาจอธิปไตยเบื้องต้น
เราต้องผ่านวิกฤติสร้างสถานการณ์เพื่อใช้กำลังหรือหลีกการเลือกตั้งให้จงได้ แล้วเอาชนะการเลือกตั้งให้ได้
แต่ขณะเดียวกัน การจะล้มแบบนั้น ไม่ง่าย และอาจจะเป็นไปไม่ได้เลยในรอบการเลือกตั้งสองครั้งข้างหน้านี้
ประชาชนต้องเตรียมทัพจัดกระบวน สร้างไพร่พล ฝึกเชิงรบและผลิตอาวุธทางปัญญาให้มาก อย่างไม่
ยอมหยุด เกมบนหน้าฉาก อาจจะทำได้จำกัด เพราะสถาบัน ก. ยังกุมอำนาจไว้เกือบทุกทาง แต่ประชาชน
ได้เปรียบเพราะเรายืนอยู่กับธรรม สัจจะ และความดีงามชอบธรรมตามกฎหมายและหลักอารยธรรม
ขอเราอย่ารีบร้อนทำผิดกฎหมาย เร่งสร้างวัฒนธรรมที่ดี เร่งเปิดสมองและพัฒนาคนไทยให้มีอารยะ
ให้รู้สึกถึงความดีงามชอบธรรมของขบวนการคนเสื้อแดง แล้วโดดเดี่ยวเกลียดชังความชั่วร้ายให้มาก
ที่สุดเท่าที่จะมากได้ กิจกรรมของคนเสื้อแดงวันนี้ จึงไม่ควรจำกัดอยู่กับการเคลื่อนไหวที่รุงรังและ
ยุ่งยากของ นปช. อย่างเดียวหรือเป็นหลัก แต่ควรเร่งสร้างขุมกำลังรอรับศึกใหญ่จริง ๆ ที่ไม่ใช่แค่
การเลือกตั้ง แต่อาจจะเป็นการรัฐประหาร การลงประชามติ หรือแม้แต่การต้องจัดการกับพวกใช้กำลัง
กับประชาชนอีก หรือแม้แต่การลุกมาร้องเพลง “ตูนิเซีย ลิเบีย อียิปต์ …” ในที่สุด
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.