ปรากฏการณ์สร้างและยัดคดี ให้กับผู้ที่อยู่ฝั่งประชาธิปไตย หรือผู้มีปากเสียงในการคัดค้าน ต่อต้าน และขัดขืนการใช้อำนาจของ "ผู้กุมอำนาจรัฐชั่วคราวด้วยการใช้กำลังทหารยึดอำนาจของประชาชน" (junta คสช) เป็นสิ่งที่เห็นกันชัดเจน และดูท่าทางพวกทหารจะมั่นใจเหลือเกินว่าจะจัดการกับหนุ่มใหญ่ใจบุญอย่างพี่อเนก ซานฟราน ได้เต็มมือ ลงทุนสร้างภาพสานเครือข่าย และก็มีสมุนกระจอก ๆ ออกมาบอกว่า ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน เกี่ยวข้องด้วย และกำลังลูบปากว่าจะจัดการกวาดล้างเสี้ยนหนามให้สิ้น ไม่ให้ภาคีไทยฯ มีฐานอยู่ซานฟรานได้อีกตอ่ไป
ผมนั่งอ่านเกมนี้ด้วยความสบายใจ เพราะกลไกของภาคีฯ มันมีระบบป้องกันตัวเอง และเราใช้ระบบโปร่งใส ตรงไปตรงมา ตรวจสอบได้ และทำกันแบบมืออาชีพ แม้ว่าเราจะจำกัดด้วยทรัพยากรเงินทอง และศักยภาพของบุคคล แต่เราพร้อมเรียนรู้และทำงานกันด้วยหัวใจบริสุทธิ์ และการทุ่มเทเพราะรักบ้านเกิด ดังนั้น ผมจะไม่ดำเนินการอะไรในตอนนี้ นอกจากเก็บหลักฐานว่าใครบ้าง พูดหรือเขียนอะไรไว้ และเมื่อถึงเวลา ทีมทนายอาสาของเรา ระดับฝีมือ ไม่น่าจะกลัวใครในโลก เพราะเราอยู่ข้างกฎหมายสากลที่หนักแน่น
และด้วยความกรุณาของปราชญ์หลายท่าน เราก็ได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่เผด็จการทหารเพื่อพระราชาไทย ได้กระทำ ทีผิดต่อกฎหมายสากลจำนวนหลายกรณีและหลายเรื่อง ตัวอย่างข้างล่างนี้ เป็นการชี้ให้เห็นส่วนหนึ่งที่เผด็จการทหารไทยทำพลาด... ผมกราบขอบคุณปราชญ์ทางกฎหมายท่านนี้นะครับ เราไม่เคยพบหรือรู้จักกันมาก่อน แต่หัวใจที่รักความยุติธรรมและอนาคตของลูกหลานเหมือนกัน mutual respect จึงเป็นผลที่งดงาม ผมขอยกข้อความที่ท่านแนะนำให้ มาแปะเตือนสติทุกคนทุกฝ่าย ว่า เราไม่ได้มีแค่อำนาจเถื่อนใต้กฎหมายเถื่อนที่กบฏได้ออกมาเอง บังคับใช้เองมานานแสนนาน โดยเฉพาะกฎหมายที่ออกมาหลังการรัฐประหารหลาย ๆ ครั้ง หรือมาตั้งแต่สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (เช่น กฎอัยการศึก) แต่เราอยู่ภายใต้กฎหมายสากล และสิ่งเหล่านี้แหละ ที่จะคุ้มครองประชาชนผู้บริสุทธิ์ เจ้าของอำนาจอธิปไตยโดยชอบธรรม แล้วจะไปตามล้างเอาผิดคนที่หลงละเมิดหลักสากลทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากก้าวพลาดเกินเลยที่จะให้อภัยได้ เมื่อประชาชนชนะอย่างแท้จริงแล้ว
-----------------
17 มีนาคม 2558 เรียน ดร.เพียงดิน ที่นับถือ
นี่เป็นความเห็นทางกฏหมายของผมเกี่ยวกับเรื่องปาระเบิดศาลอาญา " ว่าด้วยเรื่องระเบิดศาลอาญาการสอบสวนปากคำพยานในคดีนี้ตั้งแต่คนแรก มาจนถึงคุณพยาบาล จะตรงกับหลักในทางกฏหมายอาญาในคดี Escobido v Illinois, 378 U.S. 478 (1964) ตามเอกสารที่ส่งมาให้ดู คำพยานจากปากคำของผู้ต้องหาทั้งหมดในคดี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหารสอบปากคำ หรือตำรวจ ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน สอบปากคำ หรือพลเรือน (ผู้พิพากษา) สอบปากคำ แล้วลงโทษเขา ล้วนนำมาใช้เพื่ออ้างยันจำเลย หรือผู้ต้องหาไม่ได้ เพราะ
๑. เป็นการสอบผู้ต้องหา หรือ จำเลย โดยไม่มีทนายคอยให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำปรึกษา ในระหว่างที่เขาถูกสอบปากคำ
๒.ไม่มีการเตือนจำเลย หรือผู้ต้องหาว่า คุณมีสิทธิที่จะไม่ตอบ ไม่พูด (the right to remain silent) แต่ก็ไม่ทำกันในคดีนี้
๓. การกระทำความผิดในคดีนี้ เป็นการกระทำผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฏหมายหลายบทหลายมาตรา เมื่อคุณไปลงโทษเขาในฐานความผิด ละเมิดอำนาจศาล โดยการจำคุก ๕ เดือน ก็จะเกิดผล
๔. คือการลงโทษ หรือฟ้องลงโทษเขาในการกระทำผิดครั้งเดียว ฟ้องได้หลายครั้งเพื่อลงโทษ เป็น Double Jeopardy อย่างแน่ชัด
๕.หลักกฏหมายนี้ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญของไทยในปีพ.ศ.๒๕๔๐ ว่าด้วยเรื่องห้ามจำเลยให้การปรักปรำตัวเอง จนต้องคดีอาญา เมื่อเป็นเช่นนี้ คดีเรื่องปาระเบิดศาลอาญา ต้องห้ามโดย Norms ของรัฐธรรมนูญ จึงฟ้องลงโทษจำเลยไม่ได้สักคนเดียว Escobedo v_ Illinois 378 U_S_ 478 (1964) Justia US Supreme Court Center.htm Miranda v. Arizona - 384 U.S. 436 (1966) Justia US Supreme Court Center.htm
ระลึกถึงเสมอ.....
(ขอสงวนนามท่านไว้ ด้วยความเคารพรัก)
แถมท้ายด้วยบทเขียนจากเพจฯขวัญใจนักสู้เพื่อประชาธิปไตย
กูต้องได้ 100 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ
15 นาที ·
พล็อตหนัง "#ล่าจารชนก๋วยเตี๋ยวข้ามโลก"
(พล็อตจากเรื่องจริง)
- - - - - - - - -
อเนก ซานฟราน เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ จนเป็นที่ปองร้ายของกลุ่มคนคลั่ง และกลุ่มผู้นำเผด็จการ และได้ลี้ภัยออกไปจากประเทศไทยนานแล้ว แต่ก็ยังมีการเคลื่อนไหวในต่างประเทศโดยการทำคลิปวิจารณ์ออกมาอย่างต่อเนื่อง คลิปของอเนก ไม่รอดพ้นสายตาของบิ๊กบราเธอร์ตู่ ที่สั่งให้มีวอร์รูม ทบ.คอยสอดส่องโลกอินเตอร์เน็ต
- - - - - - - - -
บิ๊กบราเธอร์คิดอยู่ว่าจะจัดการอย่างไรกับไอ้เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวคนนี้ดี จึงได้มีข้อเสนอจากฝ่ายเสนาธิการที่เผด็จการไว้วางใจว่า ควรจะวางแผนสร้างสถานการณ์สักครั้ง เพื่อสร้าง story โยงขบวนการต่างๆ เข้ามาเป็นกลุ่มเดียวกัน โดยเฉพาะการป้ายความผิดให้เป็นกลุ่มสนับสนุนความรุนแรง และมีการใช้อาวุธ ซึ่งเงื่อนไขการใช้อาวุธดังกล่าว จะเข้าเงื่อนไขการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนในบางประเทศ (แม้แต่จักรภพ ที่ลี้ภัยออกไปนานแล้ว เขียนหนังสืออยู่ดีๆ ก็ยังโดนใส่ไฟว่าเป็นผู้สนับสนุนขบวนการโจรก่อการร้าย นอกจากนี้ ก็ยังมีหญิงสาวอายุ 27 ปี ที่ชื่อเปิ้ล กริชสุดา ที่เคยโดนข้อกล่าวหาเดียวกัน)
- - - - - - - - -
การโยนขี้ไปให้อเนก จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมาก เพราะอเนกอยู่อเมริกา ประกอบกับสื่อในประเทศก็อยู่ในกำมือของ คสช. จนขี้หดตดหาย ดังนั้น อเนกจึงถูกใส่ร้ายโดย คสช. และก้าวสู่การเป็นผู้สนับสนุนหลักการก่อการร้ายในประเทศไทย เพื่อที่จะทำให้ทหารได้ประกาศคงไว้ซึ่งกฎอัยการศึก และสามารถเบิกงบประมาณแผ่นดินอันเป็นภาษีของประชาชนมาใช้ได้อย่างต่อเนื่อง
- - - - - - - - -
นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถทำลายบุคคลที่เกี่ยวข้องกลุ่มต่างๆ ได้โดยง่าย จึงต้องสร้างเรื่องราวให้มีความเชื่อมโยง แบบ cheap story (บทราคาถูกๆ ที่คนไม่ได้คิดอะไรมักจะเชื่อได้โดยง่าย) โยงไปยังบุคคลต่างๆ ในตระกูลชินวัตร เป็นการทำลายคู่แข่งทางการเมือง ด้วยการสร้างวาทกรรมทางการเมือง ที่เป็นการตีตราว่าเขาเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงโดยไม่ต้องรอการพิสูจน์ เพื่อให้กลุ่มคนที่พร้อมจะเชื่อเรื่องโกหก นำไปส่งต่ออย่างสนุกสนาน และเดี๋ยวพอคนเริ่มพูดกันปากต่อปาก คนก็จะเชื่อไปเองว่า พวกนี้นี่มันเลวจริงๆนะ สำเร็จตามเป้าหมายด้านการข่าว (ชั้นต่ำ) ของคสช.
- ดังที่เราจะเห็นได้จาก กรณีระเบิดหน้าพารากอน ที่จับตัวใครยังไม่ได้เลย เปรียบเทียบกับกรณีระเบิดศาลอาญา แถมกรณีระเบิดศาลอาญานี้ ยังถูกขยายผลด้วยการสร้างเรื่องว่า "ติดตามมานานแล้ว รู้ความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้" แต่นี่ขนาดรู้ก่อน ... ทำไมไม่สามารถยับยั้งเหตุได้ ปล่อยให้เกิดเหตุระเบิดก่อนล่ะ ท่านๆ ลองคิดดู
- - - - - - - - -
นอกจากนี้ การควบคุมตัว พยาบาล พยานคดี 6 ศพ วัดปทุมไปก่อนหน้านี้ นานกว่า 5 วัน แล้วถึงออกมายอมรับว่า มีการจับกุมตัวไปจริง มันไม่ใช่เรื่องความมั่นคงอะไรหรอก
แต่มันคือ การเอาพยานคนนั้นไปกักตัวไว้ แล้วระหว่างนั้น ก็สร้างเรื่องให้ พยานคดี 6 ศพ ยอมรับ เพื่อหวังผลทางการเมืองที่สูงไปกว่านั้น นั่นก็คือ การลดความน่าเชื่อถือพยานลงในชั้นศาล
เพราะพยานคนนี้ เป็นพยานโจทก์ (พยานให้ฝั่งผู้เสียชีวิตจากกระสุนปืน ที่มาจากทิศทางของเจ้าหน้าที่ทหาร) ซึ่งการทำให้พยานโจทก์กลายเป็นผู้ก่อการร้ายเสียเอง ... ก็อาจทำให้พยานถูกลดความน่าเชื่อถือลง และทำให้ "ผู้สั่งการ" และหัวหน้าผู้รับสั่งการ คือ ประวิตร อนุพงษ์ และประยุทธ์ หลุดรอดความผิดและคำครหาไปได้
- - - - - - - - -
ละครเรื่องนี้ กูยังไม่รู้จุดจบ แต่กูรู้ว่าได้เริ่มเป็นเชื้อไฟสุมใจให้แก่ประชาชนคนรักประชาธิปไตยบ้างแล้ว เริ่มวางแผนต่อต้าน คสช. ตามความถนัดกันได้เลย
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.