ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.

Monday, July 8, 2024

"วิกฤตการณ์”ที่รุนแรงที่สุดของประเทศไทย

(เครดิต ไม่ทราบนามผู้เขียน)


คนไทยรู้ตัวกันบ้างไหม?

ธุรกิจดีๆในไทยส่วนใหญ่ถูกคนจีนยึดไปแล้ว

-โรงสี ห้องเย็น โรงแรม ท่องเที่ยว คอนโด-อสังหาริมทรัพย์ บ้านจัดสรร ร้านอาหาร ทุเรียน​ ข้าวโพด​ กล้วย ข้าว ผลไม้อื่นๆ อาหารทะเล โรงงานผลิตสินค้าต่างๆ ตลาดขายส่งฯลฯ

เมื่อเขายึดได้เขากลับเอาคนจีนเขาเข้ามาทำงาน งานของคนไทยที่มีอยู่เดิมค่อยๆ "หลุดจากวงโคจร“


คนไทยเกือบครึ่งของคนที่มีงานทำวันนี้ กำลังจะตกงานในปี 2570

*คนไทย* เจ้าของแผ่นดินกำลังจะไม่มีกิน


เดิมผมเคยเขียนเรื่องเอไอแย่งงานคนไทย

วันนี้ ผมกลับเจอเรื่องที่เร็ว แรง และชัดเจนกว่านั้นคือ

“คน และ ทุนจีน" กำลังกลืนประเทศไทย!

โรงสีใหญ่ในหกจังหวัดภาคกลางกว่าครึ่งจีนซื้อไปแล้ว…!!!

โรงแรมเกือบครึ่งในเมืองท่องเที่ยวหลักของไทย “เป็นของคนจีน”

คอนโดเปิดใหม่ในทำเลทองหลายแห่ง ลูกค้ารายใหญ่คือ “คนจีน”


ห้องเย็นรายเล็กที่มหาชัยเป็นของคนจีนเกือบร้อยแห่ง


ตลาดสำเพ็ง พันทิพย์  สี่มุมเมือง ตลาดไท ฯลฯ..... “เจ้าของร้าน”หน้าใหม่เป็นคนจีน


โรงแรมในพัทยา ภูเก็ต สุราษฎร์ฯ ขอนแก่น เชียงใหม่ และเชียงราย" ก็เสร็จ คนจีน”

“ทุเรียน” วันนี้ที่จันทบุรีไปดูเอาเองครับ

ฟาร์มกล้วยไม้ ผลไม้ กุ้ง ปลา  จาระไนไม่หมด จีนเข้าไปมีส่วนครองทั้งสิ้น


เขามาซื้อแพงกว่าราคาปกติ แผงเซ้งกัน 30,000 เขามาบอกขอเซ้ง 50,000 

เป็นเรายอมไหม…?

คอนโดขายกัน 2 ล้าน คนไทยต่อเหลือล้านแปด เขามาบอกให้สองล้านห้า!

นโยบายและแผนงานรัฐบาลจีน ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ดูน่ากลัว แต่เป็นความขยันและพลังทุนมหาศาลของ "นักธุรกิจจีน” ต่างหาก


หากหลงคิดว่ารัฐบาลจีนคงไม่มีนโยบายรุกรานเบียดเบียนใคร…???

แต่ทำไม “คนจีน”จึงพรึบและพร้อมไปทุกที่ที่มีโอกาส


คนจีนรุ่นนี้ต่างกับรุ่นเก่าที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น

แต่คนจีนรุ่นนี้ออกมาแสวงหาความมั่งคั่ง

ฉะนั้น​ การทะนุถนอมดูแลแผ่นดินที่เข้าไปทำมาหากินจะต่างกัน


ผมทราบมาว่าผู้คนในจีนที่ประสงค์ออกทำมาหากินต่างแดนมีแหล่งเงินกู้ระดับสิบล้านให้เข้าถึงได้เสมอ!!!


คนจีน

-ไม่กลัวการไปทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคย 

-ไม่กลัวการไปยังดินแดนใหม่ 

-ไม่กลัวความยากลำบาก 

-ไม่กลัวขาดทุน 

พวกเขาจึงพร้อมออกจากพื้นที่ปลอดภัยไปแสวงหาโอกาสตลอดเวลา

“ที่สำคัญ​ยังไม่กลัวกฎหมาย​ประเทศนั้นๆ” เสียด้วย


นักศึกษาจีนที่ได้ทุนที่รัฐบาลให้ไปเรียนต่างแดน ถ้าไม่กลับบ้านและทำงานอยู่กินในดินแดนนั้นๆต่อ พวกเขาไม่ต้องใช้ทุน  แถมมีทุนเพิ่ม "ให้ประกอบอาชีพ”

ถ้าเรามีตาทิพย์มองเห็นคนจีนเป็นสีมองไปทั้งโลก 

เราจะเห็นว่าตอนนี้ สีนั้นกำลังเข้มขึ้นในทุกที่อย่างรวดเร็ว

ผมฟังเรื่องราวการเข้าแทรกซึมทางการค้าในระดับรากหญ้าของประเทศเพื่อนบ้าน มาตั้งแต่ช่วงสองปีก่อน ที่ลาว พม่า มาเลเซีย อินโด เวียดนาม เขมร ฟิลิปปินส์ 

ได้ยินเรื่องปัญหาความกระทบกระทั่งแย่งงานคนท้องถิ่น เข้าซื้อกิจการ การนำสินค้ามาขายแข่งในราคาต่ำกว่า

ด้วยความที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในต่างประเทศ เพิ่งมีโอกาสได้มองสถานการณ์ไทยอย่างจริงจัง จึงได้เห็นว่าไม่ต่างกัน

ที่จะต่างกันบ้างคือของเรายังไม่เคยเป็นเรื่องเป็นราว "รัฐบาล” ไม่เคยออกมาทำอะไร???

“คนไทย”ยังไม่เคยโวยวายเหมือนเวียดนาม มาเล อินโดฯ

ส่วนลาว เขมร พม่า ฟิลิปปินส์ผมยังไม่เคยได้ยิน

นี่ว่ากันเฉพาะในเอเชีย นะครับ เพราะมองทางไกลไม่เป็น. ยังนับถือ​แค่ “เศษเงิน”

เรารู้สึกว่าเงินฝืด แต่เคยมองไปรอบๆไหมว่า...เงินไปไหน….!!!


คนไทยที่ยากจนกำลังโดนขึงพืด รุมโทรม


เอไอแย่งงาน นายทุนทำธุรกิจสะดวกซื้อครบวงจร 

ทุนต่างชาติเข้ามายึดแย่งสูบความมั่งคั่งและทรัพยากร


รัฐบาลบริหารไม่เฉียบขาด รวมทั้งประชาชนคนไทยเห็นแก่ตัว

การเรียนการศึกษา  ไม่มีคุณภาพ เป็นพานิชย์

ค่ารักษาแพงโหด คุณภาพห่วย 

ของมอมเมาล่อลวงเยาวชนและคนไม่มีสติมีให้เข้าถึงได้ง่ายดาย

ยาเสพติดอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด ฯลฯ


อยากรอดต้องคิดสร้างสรรค์ ลงมือทำ

ไม่ขายตัวเองและทรัพย์สิน​ 

ทำตัวดี อดทน หนักเอา เบาสู้ 

ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่สร้างเรื่อง ช่วยกัน สามัคคี​กัน​ และคิดถึงส่วนรวม​มากกว่า​ส่วนตัว​


แต่หากยังเอื่อยเฉื่อย ไม่พร้อม ก็จงรอรับชะตากรรมได้ 

ผมขอบอกให้ปี 2570 “คนไทย” รอ…ตกงาน 600,000 คน รู้เรื่องแน่นอน….!!!!


แต่ในทุกวิกฤติ มีโอกาส 

หากมองดีๆ ก็จะพบว่ายังพอมี

พอหนทางอยู่รอดได้ถ้าไม่เห็นแก่ตัว ช่วยกัน และกล้าลงมือทำกันเถอะครับ

อ้อ ผมขอเพิ่ม 

สารเคมี วัสดุอุปกรณ์ ของใช้ไร้คุณภาพจากจีนมหาศาล 

ได้กลายเป็นขยะพิษ ทำลายสิ่งแวดล้อม 

คนไทยรับผลกระทบโดยตรง 

ต่อไปนอกจากจะตกงาน ชีวิตไร้คุณภาพแล้ว โรคน่าจะรุมเร้าอีกด้วย


กล้าๆหน่อยครับ..คนไทย​

บอกตามตรง ….เมื่อนึกถึง….อนาคตของไทย

ผมแอบเช็ดน้ำตา... 

(ไม่มีชื่อผู้เขียน แต่เห็นว่ามีข้อที่น่าคิด ร่วมกันก็อบปี้ ส่งต่อครับ)