จดหมายเปิดผนึกจากเครือข่ายราษฎรเสรีไทยเพื่อประชาธิปไตย
วันที่ ๑๙ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
ถึง นายประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ผู้ร่วมก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ (Crimes against Humanity) ณ ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร
พวกเรา ที่ได้ลงนามต่อท้ายจดหมายฉบับนี้ คือพลเมืองไทยจากทั่วโลก ผู้มีหุ้นส่วนของการเป็นเจ้าของประเทศไทยและเป็นเจ้าของอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ ที่ คสช.และพรรคพวกได้ร่วมกันปล้นไป แล้วใช้อำนาจและเงินภาษีของของพวกเราอย่างผิดกฎหมาย ผิดหลักการประชาธิปไตย ผิดหลักศีลธรรม และละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
เราไม่ได้เขียนมาเพื่อร้องขอใด ๆ ด้วย คสช.และเครือข่ายเผด็จการ ไม่มีความชอบธรรมและไม่มีคุณค่าพอที่เราจะสัมพันธ์ด้วยเยี่ยงนั้น ความบ้าอำนาจอย่างมืดบอดของเผด็จการ คสช.และคณะ ได้สำแดงผลเสมือนพฤติกรรมของกาที่อ้างว่ามีสีขาว โจรที่พูดภาษาพระแต่กักขฬะเหมือนนักเลงข้างถนน หรือปีศาจที่คาบคัมภีร์
ดังนั้น เราจึงเขียนมาเพื่อเตือนสติคสช.และผู้ร่วมขบวนทั้งหมด ให้เลิกหน้ามืดตามัว แล้วยอมรับความจริง เพื่อจะได้ลดกรรมชั่วและผิดบาปลง แล้วกลับตัวกลับใจเสียใหม่ ดังนี้
หนึ่ง คสช. ได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมปล้นอำนาจประชาชนอย่างบังอาจ ซึ่งผิดมาตรา ๑๑๓ ในรัฐธรรมนูญฉบับ ๒๕๕๐ โดยมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต แต่ก็ได้มีการสั่งให้อภัยโทษอย่างไร้เหตุผล แล้วกลับขอให้ราษฎรที่จ่ายเงินภาษีอากรและเจ้าของประเทศเคารพกฎหมายโจร ที่พรรคพวกตัวเองเขียนขึ้นแล้วบังคับใช้อย่างไร้หลักเกณฑ์ เพื่อให้คนไทยตกเป็นทาสของตนตลอดไป จงจำไว้ว่า ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นจะมีการลุกขึ้นสู้เสมอ อำนาจอธรรมที่ถูกใช้เพื่อสร้างอาณาจักรแห่งความกลัวนั้น นอกจากจะไม่สามารถทำให้ประชาชนหัวหดได้ตลอดไปแล้ว ความกลัวจะพัฒนาเป็นความเกลียด และความเกลียดนั้นจะถูกกลั่นเป็นความกล้าที่จะลุกขึ้นสุ้ในที่สุด
สอง ฐานะและอำนาจของคสช.และเครือข่าย เป็นฐานะเถื่อน และอำนาจที่คุณอุปโลกกันเองนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เรา เจ้าของอำนาจตัวจริงยอมรับ คสช. จะอ้างและใช้อำนาจใดก็แล้วแต่ แต่จงจำไว้ว่า หมดอำนาจวันใด กรรมจะตามสนองอย่างสาสมตามกฎเกณฑ์ของศาลสถิตยุติธรรมสากล
สาม การสร้างประชาธิปไตยไม่สามารถทำได้ด้วยวิถีของเผด็จการ โดยตัดการมีส่วนร่วมของปวงชนชาวไทยอย่างที่เผด็จการคสช.และเครือข่ายกำลังทำกันอยู่ การวางนโยบายปฏิรูปกันเอง ร่างรัฐธรรมนูญกันเอง เขียนกฎหมายว่าด้วยการลงประชามติที่ปิดกั้นการแสดงความเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งกำหนดโทษไว้อย่างรุนแรงถึงจำคุกนับสิบปี ตั้งคนของตัวเองไปบังคับใช้ แล้วอ้างว่าจะทำเพื่อประชาชนและสร้างประชาธิปไตย ขณะเดียวกัน ได้ทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนและหลักการประชาธิปไตยแทบทุกทาง จับกุมคุมขังผู้เห็นต่างอย่างลุแก่อำนาจ ข่มขู่ ทารุณ ข่มเหง บีบคั้น และแม้แต่สังหารปวงชนเจ้าของประเทศที่มือเปล่า เพื่อจะได้ยัดเยียดการเป็นผู้ถืออำนาจรัฐ โดยรวบอำนาจและถือโอกาสปล้นภาษีอากรและทรัพยากรของปวงชต่อไปอีกนับสิบ ๆ ปี โดยทุกอย่างได้รวบยอดอำนาจและผูกปมบังคับไว้ในร่างรัฐธรรมนูญโจร ที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมคิดคิด ร่วมร่าง และร่วมวิพากษ์วิจารณ์อย่างเสรีเลยนั้น นอกจากพวกเราจะไม่ยอมรับมันแล้ว พวกเราไม่เคยยอมรับฐานะใด ๆ ก็ตามของ คสช. และพรรคพวก ที่ได้แต่งตั้งกันเอง แล้วบังอาจใช้อำนาจอธิปไตยของคนไทยทุกคน โดยไม่ผ่านฉันทามติของพวกเรา ดังนั้น จงนับเวลาถอยหลัง และรอรับโทษทัณฑ์ ตามหลักกฎหมายที่ชอบอ้างกันตลอดเวลานั่นเสีย เพราะการอภัยโทษตัวเองนั้น ไม่สามารถทำให้ใครพ้นโทษทัณฑ์จากการเป็นกบฏ ล้มล้างอำนาจการปกครองของประชาชน ละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำผิดหลักกฎหมายสากลได้
สี่ คสช.และเครือข่ายโจรกบฏ ได้กล่าวร้ายและยกความผิดให้ผู้อื่นเป็นรายวัน แต่หากได้ส่องกระจกอย่างคนตาปกติและใจปกติ ก็จะเห็นว่า สิ่งที่กล่าวร้ายต่อผู้อื่นนั้น ตนกลับเลวร้ายยิ่งกว่าเขาในทุกกรณี คสช.บอกนักการเมืองทิ้งปัญหาต่าง ๆ ไว้ให้ตนแก้ แต่แท้ที่จริง คสช.และผู้ร่วมสมคบคิด คือผู้สร้างปัญหาและทำปัญหาให้เลวร้ายยิ่งขึ้น เครือข่ายโจร คสช. บอกจะมาปราบโกง แต่ในยุคเผด็จการครองเมืองของคสช.วันนี้ การโกงและคอรัปชั่นกำลังเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า แถมใครตรวจสอบไม่ได้เลย และที่บอกว่าที่ผ่านมานักการเมืองไม่ยอมพัฒนาบ้านเมืองจริงจังนั้น คสช.กลับนำประเทศถอยหลัง จนไม่มีใครคบค้าด้วยจนเศรษฐกิจฝืดเคือง สร้างความเดือดร้อนแก่คนไทยทุกหมู่เหล่า จนไม่ว่าจะใช้เล่ห์ทำตัวเลขอย่างไร ก็หนีความจริงไม่พ้น
ห้า สิ่งที่เป็นผลจากการทำผิดข้างต้นอย่างโจ่งแจ้งและต่อเนื่อง คือการที่นานาชาติ อันมีตัวแทนอารยประเทศถึง ๑๔ ประเทศ ณ เวทีสหประชาชาติเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ศกนี้ ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้แสดงความห่วงใยอย่างสูงสุดต่อพฤติกรรมของคสช.และเครือข่าย ที่มีความเป็นเผด็จการและละเมิดหลักข้อตกลงสากลที่ไทยได้ลงนามรับพันธกรณีต่าง ไว้ แต่แทนที่คสช. และผู้ร่วมขบวนการเผด็จการจะสำนึก แล้วปรับปรุงพฤติกรรมตัวเอง กลับยิ่งทำผิดยิ่งขึ้น จ้องแต่จะปรับทัศนคติประชาชน แต่ตนเองกลับหลงผิด คิดชั่ว และทำเลวอย่างไม่เลิกรา แล้วหวังจะแก้ตัวแบบน้ำขุ่น ๆ แล้วก็วกไปอ้างความเป็นไทย ความมั่นคงของสถาบันชาติ และความเป็นเอกราชแบบไทย ๆ แต่ที่เลวร้ายยิ่งกว่า คือการชักศึกเข้าบ้าน ด้วยการเลือกไปยืนข้างประเทศที่เป็นเผด็จการที่ชาวโลกตั้งข้อสงสัยมาตลอดในเรื่องประวัติการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการเป็นรัฐเผด็จการ แล้วส่งตัวแทนในเครือข่าย คสช. ออกมาให้สัมภาษณ์ในทำนองเป็นปฏิปักษ์ต่อมวลมิตรประเทศที่ห่วงใยตามกรอบข้อตกลงสากลที่ไทยทำไว้ สร้างความเป็นชาตินิยมแบบผิด ๆ และกร่างเกินตัว จนอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ ที่อาจจะลงเอยด้วยการใช้ประเทศไทยเป็นสนามรบ นี่เป็นความผิดพลาดและสิ่งที่สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง
คสช. และเครือข่ายเผด็จการทั้งหลาย จงจำไว้ว่า เงินภาษีอากรของประชาชนเป็นสมบัติส่วนรวมของคนทั้งชาติ วันนี้ บรรดาผู้นำ คสช.คือนายทหารแก่ที่เกษียรแล้ว แต่กลับหลงอำนาจและใช้เงินภาษีอากรของประชาชนเพื่อประโยชน์ของตนและพวกพ้อง อำนาจที่ถืออยู่นั้น คือของปลอม และจะยื้อมันไว้ไม่ได้ตลอดไป และเครือข่ายที่ คสช. รับใช้อยู่นั้น เขายิ่งใหญ่ ล้ำลึก และโหดร้ายนัก และพวกเขาได้กำจัดหรือทำลายนายพลที่เขาชูขึ้นมากำราบประชาชนมาหลายยุคสมัยอย่างง่ายดายเสมอ ลองมองรอบตัวแล้วคิดให้ดีว่ามีคนจริงใจ ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคุณจริง ๆ ตลอดไป อยู่สักกี่คน การกระทำที่ละเมิดอำนาจอธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของปวงชน จนทำให้นานาอารยประเทศรุมตั้งคำถามและประนามบนเวทีสหประชาชาตินั้น แสดงให้เห็นถึงความเหม็น เน่า และฉาวโฉ่ของสถาบันเผด็จการของประเทศไทยอย่างถึงที่สุดแล้ว
และจงจำไว้ว่า ไม่มีภูมิคุ้มกันสำหรับโจรกบฏที่ปล้นและทำร้ายประชาชนได้ตลอดไป คนไทยทุกคนต่างมีฐานะพลเมืองเจ้าของประเทศโดยเท่าเทียมกัน ไม่มีใครมีอำนาจและบารมีจริง ๆ ที่จะขู่บังคับแล้วให้พวกเรายอมรับอยู่ใต้อำนาจอธรรมของ คสช. และคนที่บงการหรือร่วมมือกันเป็นเครือข่ายเผด็จการตลอดไป กรรมของคสช. และเครือข่ายต่อจากนี้เท่านั้น จะต้องได้รับผลกรรมตอบแทนตามกฎแห่งกรรมและหลักกฎหมายทั้งในประเทศและระดับสากลอย่างสาสมในที่สุด
ด้วยสำนึกของเจ้าของประเทศผู้รักในเสรีภาพ ความยุติธรรม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
(ผู้ลงนามต่อท้าย)
จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
ดร. เพียงดิน รักไทย อธิการบดีมหาวิทยาลัยประชาชน
อเนก ซานฟราน ประธานบอร์ดอำนวยการภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน
และผู้ลงนามต่อท้ายอื่น ๆ ดังนี้
J. Nilkhamhang. | Bankok |
|
| Thailand |
sandy lin | Bangkok |
|
| Thailand |
vichai Ratanakomonwat | chonbury |
|
| Thailand |
Deww Hussain | Bangkok |
|
| Thailand |
Juntra Prasertsud | Thailand |
|
| Thailand |
คนเดินดิน รักกันนะ | ไทย |
|
| Thailand |
มดแดง เพื่อประชาชน | กรุงเทพ |
|
| Thailand |
Somsri Takemoto |
|
| 556-0011 | Japan |
กริสนี ทรัพย์บุญรอด | ปทุมธานี |
| 12160 | Thailand |
chai eng | Monterey Park | California | 91754 | United States |
นพไกร ใจดี | กรุงเทพฯ |
|
| Thailand |
Udomsak Maneerat | Mission | Kansas | 66202 | United States |
อมร เฉยภิรมย์ | กทม. |
|
| Thailand |
Anongratana. Reuben | Laval QC. |
| H 7P 5 N3 | Canada |
หลวงภูเบศ มหาประชาราษฎร์ | Bangkok |
|
| Thailand |
นิดหน่อย ปาป๊า รักกันดี | ปทุมธานี |
|
| Thailand |
แดง สกล | สกลนคร |
|
| Thailand |
จิดาภา รุจิรัฐกรณ์ | กทม |
|
| Thailand |
อ๋อง ใจงาม | เมืองดอกคูณ/ดอกบัว |
|
| Thailand |
นายสยาม ไทยสมัย | กรุงเทพ |
|
| Thailand |
นายภรัญยู ผลขวัญ | อุดรธานี |
|
| Thailand |
Vilaypho Vong | Carthage | North Carolina | 28374 | United States |
ศศิประภา ดาวฉายแสง | Toronto |
|
| Thailand |
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.