ข้อความแสดงผลการพิพากษา (ขอบคุณ manager online0
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 15 ประกอบมาตรา14 (3) ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 30,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้างลดโทษให้1ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน ปรับ 20,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เพื่อให้โอกาสจำเลยเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
ต่อมาโจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เนื่องจากเห็นว่า จำเลยเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไทมีหน้าที่เก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์และมี ความใกล้ชิดกับเนื้อหาข้อมูล แต่จำเลยกลับยินยอมให้มีการนำข้อความอันไม่เหมาะสมมาเผยแพร่ลงบนเว็บไซต์ เป็นเวลานาน จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งเจ้าหน้าที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ได้เข้าตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์ประชาไทพบว่ามีเนื้อหาข้อความหมิ่นสถาบันฯ ถึง 4 ครั้ง พร้อมส่งจดหมายถึงจำเลยในฐานะผู้บริหารเว็บไซต์
ต่อมาจำเลยยื่นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีแสดงให้เห็นว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้ดูแลให้บริการได้รู้เห็นว่ามีกระทู้ซึ่งเป็นความผิดอยู่ใน ระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในควบคุมของจำเลย แล้วยินยอมให้ข้อมูลดังกล่าวอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของจำเลย การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 15 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 30,000 บาท แต่ลดโทษให้1ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 15 ประกอบมาตรา14 (3) ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 30,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้างลดโทษให้1ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน ปรับ 20,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เพื่อให้โอกาสจำเลยเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
ต่อมาโจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เนื่องจากเห็นว่า จำเลยเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไทมีหน้าที่เก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์และมี ความใกล้ชิดกับเนื้อหาข้อมูล แต่จำเลยกลับยินยอมให้มีการนำข้อความอันไม่เหมาะสมมาเผยแพร่ลงบนเว็บไซต์ เป็นเวลานาน จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งเจ้าหน้าที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ได้เข้าตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์ประชาไทพบว่ามีเนื้อหาข้อความหมิ่นสถาบันฯ ถึง 4 ครั้ง พร้อมส่งจดหมายถึงจำเลยในฐานะผู้บริหารเว็บไซต์
ต่อมาจำเลยยื่นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีแสดงให้เห็นว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้ดูแลให้บริการได้รู้เห็นว่ามีกระทู้ซึ่งเป็นความผิดอยู่ใน ระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในควบคุมของจำเลย แล้วยินยอมให้ข้อมูลดังกล่าวอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของจำเลย การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 15 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 30,000 บาท แต่ลดโทษให้1ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.